10 Recommend Full Body Wine

9 เมษายน 2025
10 Recommend Full Body Wine
Posted in: Recommended
More from this author
By WINE-NOW

10 ไวน์แดงฟูลบอดี้แนะนำที่คุณไม่ควรพลาด

หากคุณคือคนรักไวน์แดงที่ชอบรสเข้ม ลึกซึ้ง และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 10 ไวน์ฟูลบอดี้สุดพิเศษ ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันจากทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Amarone อันทรงพลังจากอิตาลี, Grand Cru Bordeaux จากฝรั่งเศส, หรือ Cabernet Sauvignon สไตล์นิวเวิลด์ที่กลมกล่อมและกล้าหาญ พร้อม คำแนะนำในการเสิร์ฟ ที่จะช่วยยกระดับประสบการณ์การดื่มไวน์ให้ลุ่มลึกยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับทั้งการดื่มในมื้อพิเศษ การมอบเป็นของขวัญ หรือเก็บสะสมไว้ในคอลเลกชันของคุณ

 


 
Chateau Bellevue St.Emillion Grand Cru Classe 2017

1. Chateau Bellevue St.Emillion Grand Cru Classe 2017

Château Bellevue Saint-Émilion Grand Cru Classé 2017 คือไวน์แดงคุณภาพสูงจากฝั่งขวาของบอร์กโดซ์ โดยตั้งอยู่บนเนินเขาหินปูนเหนือหมู่บ้าน Saint-Émilion อันเก่าแก่ เป็นไวน์ที่ผลิตจากเมอร์โลต์ไร่เก่า ซึ่งสะท้อนถึงความกลมกล่อม มีโครงสร้างที่ยอดเยี่ยม และเอกลักษณ์ของ terroir อย่างชัดเจน รุ่นปี 2017 นี้แสดงให้เห็นถึงความสมดุลระหว่างความหรูหราแบบคลาสสิกและความประณีตสมัยใหม่ในสไตล์ Grand Cru Classé

บันทึกการชิม (Tasting Notes):

  • สี: สีแดงเข้มอมม่วง (Garnet) พร้อมเงาไวโอเลต
  • กลิ่น: กลิ่นเข้มข้นของ พลัมสุก แบล็กเบอร์รี และดอกไวโอเลตบด ผสานด้วยกลิ่น กราไฟต์ ไม้ซีดาร์ และแร่หินเปียก
  • รสสัมผัส: โครงสร้างแน่น เต็มรส ผลไม้เข้มข้น แทนนินแน่นแต่นุ่ม ความเปรี้ยวสมดุล
  • ตอนจบ: ยาวนาน หอมกลิ่นแร่ธาตุและเครื่องเทศจาง ๆ ปิดท้ายอย่างสง่างาม

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: ควรเปิดพัก 1 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ เพื่อให้ไวน์เปิดกลิ่นอย่างเต็มที่

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ เนื้อแกะย่าง อกเป็ด สเต๊กเนื้อ ซอสทรัฟเฟิล หรือชีสอายุยาว

จุดเด่น:

  • ไวน์ระดับ Grand Cru Classé จาก Saint-Émilion

  • ผลิตจากเมอร์โลต์ไร่เก่าบนดินหินปูน

  • โดดเด่นทั้งความหรูหราและศักยภาพในการบ่ม

  • ตัวเลือกชั้นยอดสำหรับนักสะสมไวน์บอร์กโดซ์

ดูสินค้า

 
Oddero Barolo Bussia Vigna Mondaca Riserva DOCG

2. Oddero Barolo Bussia Vigna Mondaca Riserva DOCG

Oddero Barolo Bussia Vigna Mondoca Riserva DOCG คือสุดยอดแห่งไวน์ Barolo สไตล์ดั้งเดิม ผลิตโดยตระกูล Oddero หนึ่งในผู้บุกเบิก Barolo แห่งแคว้น Piemonte ตั้งแต่ปี 1878 ไวน์ขวดนี้มาจากไร่เดี่ยวระดับ Cru ชื่อ Vigna Mondoca ในเขต Bussia — หนึ่งในแหล่งปลูกที่ดีที่สุดของ Barolo และผลิตเฉพาะในปีที่ดีที่สุดเท่านั้น บ่มยาวนานกว่า 5 ปี ก่อนวางจำหน่าย ถ่ายทอดความงดงามอันทรงพลังของ Nebbiolo จากดินหินมาร์ลที่เปี่ยมด้วยความสง่างามแบบคลาสสิก

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: แดงทับทิมอมส้มอิฐ ตามแบบฉบับ Barolo ที่ผ่านการบ่ม

  • กลิ่น: หอมมากด้วย กลีบกุหลาบ ยางมะตอย เชอร์รีแห้ง พร้อมกลิ่นรองของ เครื่องหนัง ดินป่า และทรัฟเฟิล

  • รสสัมผัส: เต็มแน่น โครงสร้างยอดเยี่ยม มีแทนนินชัดเจน พร้อมรสของ ผลไม้แดง สมุนไพรบัลซามิก และแร่เบา ๆ

  • ตอนจบ: ยาวนาน มีพลัง พร้อมโน้ตของ เครื่องเทศ สมุนไพรแห้ง และความหรูหราจากดิน

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: ควรดีแคนต์ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 ชั่วโมงครึ่ง –2 ชั่วโมง

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะอย่างยิ่งกับ เนื้อตุ๋น Osso Buco ริซอตโต้เห็ดทรัฟเฟิล หรือพาเมซานชีสบ่ม

จุดเด่น:

  • Barolo ระดับ Riserva จาก Cru ชั้นยอด Vigna Mondoca ใน Bussia
  • ผลิตโดยตระกูล Oddero ที่สืบทอดมากว่า 140 ปี

  • บ่มกว่า 5 ปี ก่อนวางจำหน่าย — ลึกซึ้ง สง่างาม และทรงคุณค่า

  • เหมาะสำหรับนักสะสมไวน์ และผู้ชื่นชอบ Barolo สไตล์ดั้งเดิม

ดูสินค้า

 
Domaine Giraud Chateauneuf du Pape - Tradition

3. Domaine Giraud Chateauneuf du Pape - Tradition

Domaine Giraud Châteauneuf-du-Pape – Tradition คือไวน์แดงทรงพลังจากแคว้น Rhône ตอนใต้ โดยมาจากไร่องุ่นแบบครอบครัวที่ยึดถือวิถีการผลิตไวน์แบบดั้งเดิม องุ่นที่ใช้ ได้แก่ Grenache, Syrah และ Mourvèdre จากไร่เก่า ซึ่งปลูกบนดินที่มีหินกลม (galet) อันเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาคนี้ รุ่น “Tradition” นี้สะท้อนถึงจิตวิญญาณของ Châteauneuf — เข้มข้น แดดจัด และเปี่ยมด้วยชั้นเชิง พร้อมการทำไร่ออร์แกนิกและไม่ปรุงแต่งในโรงหมักมากเกินไป เพื่อให้ terroir แสดงตัวอย่างชัดเจนในทุกหยด

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงเข้มขอบสด

  • กลิ่น: หอมจัดของ เชอร์รีดำ สมุนไพรการีก ชะเอมเทศ พร้อมกลิ่นเนื้อรมควันอ่อน ๆ

  • รสสัมผัส: เต็มแน่น อบอุ่น ด้วยรสของ แบล็กเบอร์รี พลัม และเครื่องเทศ พร้อมเนื้อสัมผัสกลมกล่อม

  • ตอนจบ: ยาวนาน มีเครื่องเทศชัดเจน พร้อมกลิ่น พริกไทย ดิน และไธม์แห้ง

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: ควรพักไวน์อย่างน้อย 1 ชั่วโมง

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ เนื้อแกะย่าง กาสซูเล่ ไส้กรอกย่าง หรืออาหารโปรวองซ์อย่างราตาตูย

จุดเด่น:

  • ไวน์ Châteauneuf-du-Pape สไตล์คลาสสิกจากไร่ออร์แกนิกคุณภาพ
  • เบลนด์จาก Grenache, Syrah และ Mourvèdre จากไร่เก่า

  • รสเข้มข้น จัดจ้าน มีศักยภาพในการบ่ม

  • เหมาะกับผู้ชื่นชอบไวน์ฝรั่งเศสสไตล์ดั้งเดิมและทรงพลัง

ดูสินค้า

 
Bertani Amarone della Valpolicella Valpantena DOCG

4. Bertani Amarone della Valpolicella Valpantena DOCG

Bertani Amarone della Valpolicella Valpantena DOCG คือการแสดงออกอย่างสมบูรณ์แบบของศิลปะการทำไวน์ในแคว้นเวเนโต แบรนด์ Bertani ก่อตั้งขึ้นในปี 1857 และเป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกไวน์ Amarone ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก ไวน์ขวดนี้มาจาก หุบเขา Valpantena ซึ่งเป็นโซนพิเศษที่มีภูมิอากาศเย็นและดินที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุ ใช้กรรมวิธี appassimento แบบดั้งเดิม โดยการตากองุ่นให้แห้งก่อนหมัก ทำให้ได้ไวน์ที่มีความเข้มข้น หรูหรา และมีโครงสร้างที่ยอดเยี่ยม เหมาะสำหรับการบ่มยาวนาน

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: แดงเข้มลึกแซมด้วยเฉดทับทิม

  • กลิ่น: หอมลึกของ เชอร์รีแห้ง มะเดื่อ และพลัมตุ๋น ผสานด้วย โกโก้ ใบยาสูบ และเครื่องเทศอบอุ่น

  • รสสัมผัส: เต็มแน่น กลมกล่อม ซับซ้อนด้วยรส ผลไม้เข้มข้น ลูกเกด และแทนนินเนียน

  • ตอนจบ: ยาวนาน อบอุ่น ทิ้งกลิ่น ช็อกโกแลตขม สมุนไพรแห้ง และเครื่องเทศ ไว้อย่างลุ่มลึก

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: ควรเปิดพักไว้ 1–2 ชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ เนื้อตุ๋น วีนีซัน ชีสที่บ่มนาน หรือจิบช้า ๆ คู่กับบรรยากาศผิงไฟ

จุดเด่น:

  • Amarone แท้จากโซนพิเศษ Valpantena DOCG
  • ผลิตด้วยวิธีดั้งเดิม Appassimento จากองุ่นตากแห้ง

  • รสชาติลึกซึ้ง กลมกล่อม และเหมาะกับการบ่ม

  • ไวน์แดงอิตาเลียนพลังสูง ที่นักสะสมไม่ควรพลาด

ดูสินค้า

 
Le Merle De Peby Faugeres Saint Emilion Grand Cru

5. Le Merle De Peby Faugeres Saint Emilion Grand Cru

Le Merle de Péby Faugerès คือไวน์รุ่นรองของ Château Péby Faugerès แห่ง Saint-Émilion ที่มีชื่อเสียงระดับ Grand Cru Classé โดยปลูกบนดินผสมหินปูนและดินเหนียวเหมือนกับไวน์รุ่นหลัก แต่ Le Merle ถูกออกแบบมาให้ดื่มได้เร็วขึ้นโดยไม่ลดทอนคุณภาพและความลุ่มลึก เป็นการแสดงถึงศิลปะการทำไวน์ที่แม่นยำ และความโดดเด่นของ องุ่น Merlot จากฝั่งขวาของบอร์กโดซ์

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: แดงเข้มแซมม่วงสดใส

  • กลิ่น: หอมของ แบล็กเบอร์รี เชอร์รีดำ และดอกไวโอเลต ผสมกับ มอคค่า เครื่องเทศหวาน และไม้ซีดาร์

  • รสสัมผัส: เต็มแน่น กลมกล่อม ด้วยผลไม้เข้มข้น แทนนินเนียน และความเปรี้ยวที่สมดุล

  • ตอนจบ: ยาวนาน หรูหรา พร้อมกลิ่น โอ๊คคั่วและแบล็กเคอร์แรนท์ ทิ้งไว้ในปลายลิ้น

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: เปิดพักไว้ประมาณ 30–45 นาที

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ บีฟเวลลิงตัน เนื้อแกะย่าง ริซอตโต้เห็ด หรือพาสต้าเห็ดทรัฟเฟิล

จุดเด่น:

  • ไวน์รุ่นรองจาก Château Péby Faugerès (Grand Cru Classé)
  • ใช้ Merlot 100% จากดินหินปูนและดินเหนียว

  • รสชาติเข้มข้น เนียนนุ่ม พร้อมศักยภาพในการบ่ม

  • ผสมผสานความหรูหรากับความพร้อมดื่มได้อย่างลงตัว

ดูสินค้า

 
Chateau Faugeres Saint Emilion Grand Cru

6. Chateau Faugeres Saint Emilion Grand Cru

Château Faugères Saint-Émilion Grand Cru คือหนึ่งในไวน์ที่แสดงถึงความล้ำหน้าของการทำไวน์ใน ฝั่งขวาของ Bordeaux อย่างแท้จริง ด้วยไวน์เนอรี่สถาปัตยกรรมระดับโลกที่ออกแบบโดย Mario Botta และการทำไร่แบบ ไบโอดีแนมิก ไร่องุ่นตั้งอยู่บนเนินเขาดินหินปูนใกล้หมู่บ้าน Saint-Émilion ใช้องุ่น Merlot เป็นหลัก เสริมด้วย Cabernet Franc และ Cabernet Sauvignon ให้ไวน์ที่หรูหรา เข้มข้น และมีโครงสร้างยอดเยี่ยม — คือความลงตัวระหว่างความกลมกล่อมแบบดั้งเดิมและความลึกแบบร่วมสมัย

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงเข้มแซมเฉดม่วง

  • กลิ่น: หอมของ เชอร์รีดำ พลัม สมุนไพรสด ผสานกับกลิ่นรองของ กราไฟต์ ซีดาร์ และโกโก้

  • รสสัมผัส: เต็มแน่น มีโครงสร้างดี รสผลไม้ดำเข้ม แทนนินเนียน และความแร่แบบหรูหรา

  • ตอนจบ: ยาวนาน เรียบหรู มีมิติ พร้อมกลิ่น เครื่องเทศ ดินป่า และไม้โอ๊คปิ้ง

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: ควรดีแคนต์ไวน์ประมาณ 1 ชั่วโมง - 1 ชั่วโมงครึ่ง ก่อนดื่ม

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ แกะย่างสมุนไพร เนื้อย่าง ริซอตโต้เห็ด หรือชีสบ่มเนื้อแน่น

จุดเด่น:

  • Grand Cru จากเนินหินปูนของ Saint-Émilion
  • ไร่องุ่นไบโอดีแนมิก พร้อมไวน์เนอรี่สุดล้ำระดับโลก

  • เบลนด์นำโดย Merlot – หรูหรา ทรงพลัง และเหมาะแก่การบ่ม

  • ฝั่งขวาของ Bordeaux แบบพรีเมียม ที่รวมทั้งความเก่าและใหม่ในหนึ่งเดียว

ดูสินค้า

 
Chateau La fon Du Berger Pauillac

7. Chateau La fon Du Berger Pauillac

Château La Fon du Berger คือไวน์จากแคว้น Pauillac หนึ่งในเขตที่ทรงเกียรติที่สุดของฝั่งซ้ายแห่งบอร์กโดซ์ ที่ขึ้นชื่อเรื่องไวน์ที่เข้มข้นและมีโครงสร้างสูง ไวน์ขวดนี้ผลิตจาก Cabernet Sauvignon เป็นหลัก ผสมกับ Merlot และ Cabernet Franc บนดินกรวด (gravelly terroir) อันเป็นเอกลักษณ์ของ Médoc ให้ไวน์ที่เต็มไปด้วยพลัง ความลึก และมีศักยภาพในการบ่มอย่างยอดเยี่ยม ในราคาที่เข้าถึงได้มากกว่าไวน์ชื่อดังในพื้นที่เดียวกัน

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงเข้มขอบทับทิม

  • กลิ่น: หอมของ แบล็กเคอร์แรนท์ ใบยาสูบ กลิ่นกราไฟต์ ผสานกับกลิ่นรองของ ไม้ซีดาร์ และเครื่องเทศ

  • รสสัมผัส: โครงสร้างแน่น รสของ ผลไม้เข้มข้น ชะเอมเทศ และไม้โอ๊คคั่วเบา ๆ

  • ตอนจบ: ยาวนาน สไตล์คลาสสิก พร้อมกลิ่นแร่และแทนนินที่ผสานอย่างสมดุล

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: ควรพักไว้ 1 ชั่วโมงเพื่อให้ไวน์เปิดกลิ่นและเนื้อสัมผัส

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ เนื้ออบแบบฝรั่งเศส เนื้อแกะย่างโรสแมรี่ หรืออาหารเห็ดรสเข้ม

จุดเด่น:

  • ไวน์จากเขต Pauillac – หนึ่งในพื้นที่ผลิตไวน์ที่ดีที่สุดของ Bordeaux
  • เบลนด์ Cabernet Sauvignon โครงสร้างแน่นและรสลึก

  • สไตล์บอร์กโดซ์ฝั่งซ้ายแบบดั้งเดิม พร้อมศักยภาพในการบ่ม

  • เหมาะกับผู้รักไวน์บอร์กโดซ์ที่มองหา “ความคุ้มค่าในรสชาติ”

ดูสินค้า

 
Chateau La Renaissance Pomerol

8. Chateau La Renaissance Pomerol

Château La Renaissance มาจากแคว้น Pomerol — หนึ่งในแหล่งผลิตไวน์ที่หรูหราและโดดเด่นที่สุดของ Bordeaux ขึ้นชื่อในเรื่อง ไวน์แดงจาก Merlot ที่มีเนื้อสัมผัสเนียนละมุน และมีศักยภาพในการบ่มสูง Château La Renaissance เป็นไวน์จากไร่ขนาดเล็กที่เน้นการผลิตแบบดั้งเดิม ปลูกบนดินเหนียวที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเมอร์โลต์ ให้ไวน์ที่เข้มข้นและหรูหราในสไตล์ฝั่งขวาอย่างแท้จริง

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงเข้มลึก แซมด้วยเฉดทับทิม

  • กลิ่น: หอมของ พลัมสุก แบล็กเบอร์รี และไวโอเลต พร้อมกลิ่นรองของ ทรัฟเฟิล ไม้ซีดาร์ และกลิ่นแร่ธาตุแบบกราไฟต์

  • รสสัมผัส: เต็มแน่น เนียนนุ่ม ซับซ้อนด้วย ผลไม้เข้มข้น เครื่องเทศ และแทนนินละเอียด

  • ตอนจบ: ยาวนาน หรูหรา ทิ้งโน้ตของ มอคค่าและความแร่ที่ชัดเจน

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: แนะนำให้พักไวน์อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนดื่ม

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ เป็ดกงฟี บูร์กอญเนียงเนื้อ ริซอตโต้ทรัฟเฟิล หรือชีสบ่มนาน

จุดเด่น:

  • สไตล์ Pomerol แท้ – เมอร์โลต์เข้มข้น นุ่มนวล และมีมิติ
  • ผลิตจากไร่ขนาดเล็กบนดินเหนียวคุณภาพ

  • ดื่มได้ทั้งในโอกาสพิเศษหรือบ่มเพื่อพัฒนา

  • เหมาะกับนักสะสมไวน์บอร์กโดซ์และการจับคู่อาหารหรู

ดูสินค้า

 
Bread & Butter Cabernet Sauvignon

9. Bread & Butter Cabernet Sauvignon

Bread & Butter Cabernet Sauvignon คือไวน์แดงที่ดื่มง่ายและกลมกล่อมจากแคลิฟอร์เนีย สะท้อนแนวคิดของแบรนด์ที่เชื่อว่า “สิ่งเรียบง่ายก็สวยงามได้” ผลิตจากองุ่นคุณภาพดีจากไร่ที่คัดสรรทั่วแคลิฟอร์เนีย และบ่มในถังไม้โอ๊คอเมริกัน ให้รสชาติที่เข้มข้น นุ่มนวล และสมดุลในสไตล์ไวน์ Napa ที่เป็นที่รักของคนทั่วโลก

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงเข้มแซมเฉดทับทิม

  • กลิ่น: หอมของ เชอร์รี่ดำ มอคค่า วานิลลา และใบยาสูบหวาน

  • รสสัมผัส: เต็มแน่น กลมกล่อม ด้วยรส เบอร์รี่สุก ช็อกโกแลต และเครื่องเทศจากไม้โอ๊ค

  • ตอนจบ: นุ่ม ละมุน พร้อมกลิ่น วานิลลาและไม้ปิ้งเบา ๆ

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: ไม่จำเป็น แต่หากพักไว้ 30 นาทีจะช่วยเปิดกลิ่นสัมผัส

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ เนื้อย่าง ซี่โครงบาร์บีคิว เห็ดพอร์โทเบลโล หรือเบอร์เกอร์รสเข้ม

จุดเด่น:

  • Cabernet สไตล์แคลิฟอร์เนีย เข้มข้น ดื่มง่าย
  • บ่มในถังไม้โอ๊คอเมริกัน ให้กลิ่นวานิลลาและความหวานกลมกล่อม

  • รสชาตินุ่มนวล แทนนินเนียน ไม่ฝาด

  • เป็นหนึ่งในไวน์ Cabernet ที่คุ้มค่าที่สุดจากสหรัฐอเมริกา

ดูสินค้า

 
Antigal  UNO Cabernet Sauvignon

10. Antigal UNO Cabernet Sauvignon

Antigal UNO Cabernet Sauvignon คือไวน์แดงสไตล์เข้มข้นจาก โรงไวน์ Antigal ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1897 ในแคว้น Mendoza ประเทศอาร์เจนตินา ด้วยสภาพไร่องุ่นบนพื้นที่สูง อากาศเย็นในเวลากลางคืน และแสงแดดจัดในเวลากลางวัน ทำให้ Cabernet ตัวนี้มีโครงสร้างแน่น ความสดชัด และรสชาติที่โดดเด่น ชื่อ “UNO” สื่อถึงความใส่ใจในคุณภาพระดับสูงตั้งแต่ไร่จนถึงขวดไวน์

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงเข้มแซมม่วง

  • กลิ่น: หอมของ แบล็กเคอร์แรนท์ แคสซิส ซีดาร์ และพริกไทยดำ ผสานด้วยกลิ่นรองของ ดาร์กช็อกโกแลต และวานิลลา

  • รสสัมผัส: เต็มแน่น มีมิติ ซับซ้อนด้วยรส ผลไม้เข้มข้น แทนนินแน่น และสัมผัสโอ๊คเบา ๆ

  • ตอนจบ: ยาวนาน กลมกล่อม พร้อมโน้ตของ เครื่องเทศ ชะเอมเทศ และพลัมดำ

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

  • การดีแคนต์: ควรพักไว้ 30–45 นาทีก่อนเสิร์ฟ

  • จับคู่กับอาหาร: เหมาะกับ สเต๊กริบอาย ผักย่าง เบอร์เกอร์บลูชีส หรือเนื้อแกะย่างโรสแมรี่

จุดเด่น:

  • Cabernet Sauvignon จากไร่องุ่นสูงใน Mendoza โดยโรงไวน์เก่าแก่
  • รสชาติเข้มข้น โครงสร้างดี และมีความลุ่มลึก

  • ผสมผสานพลังของ New World กับความกลมกล่อมแบบทันสมัย

  • ดื่มคู่กับอาหารได้หลากหลาย และมีศักยภาพในการบ่ม

ดูสินค้า