10 Recommend Wine July 2025 Week 1
10 ไวน์แนะนำประจำสัปดาห์จาก Wine-Now.asia
สัปดาห์นี้ Wine-Now.asia รวบรวม ไวน์ยอดนิยมประจำสัปดาห์ ที่เหล่านักดื่มทั่วไทยเลือกซื้อซ้ำ – ไม่ว่าจะเป็นคอลเลกชันคลาสสิกจาก Bordeaux, เสน่ห์ของไวน์ขาวจาก Chablis, ไปจนถึงความหรูหราของ Napa Valley และความซับซ้อนของ Barolo จากอิตาลี ทุกขวดสะท้อนทั้งคุณภาพ ความคุ้มค่า และความหลากหลายของรสชาติที่ตอบโจทย์ทั้งนักดื่มหน้าใหม่และนักสะสมตัวจริง
มาดูกันว่า 10 ขวดแนะนำในรอบสัปดาห์นี้มีอะไรบ้าง พร้อมคำแนะนำจาก Wine-Now Sommelier ที่จะช่วยให้คุณเลือกไวน์ได้เหมาะกับทุกโอกาสของคุณ
1. Baron de Brane Margaux
Baron de Brane คือ ไวน์รอง (Second Wine) จาก Château Brane-Cantenac หนึ่งใน Margaux Grand Cru Classé ที่ได้รับการยอมรับสูงสุดใน Médoc เขต Bordeaux ฝั่งซ้าย ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนับตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 ไร่นี้ได้รับชื่อเสียงจากการผสมผสานความสง่างามของ Margaux เข้ากับพลังของ Cabernet Sauvignon ได้อย่างลงตัว
ชื่อ “Baron de Brane” ตั้งขึ้นเพื่อยกย่อง Baron Jacques-Maxime de Brane ขุนนางผู้พัฒนาไร่นี้อย่างจริงจังในยุคศตวรรษที่ 19 โดยไวน์รองขวดนี้ใช้ผลผลิตจากแปลงองุ่นอายุน้อยกว่าหลัก แต่ยังคงกรรมวิธีการผลิตและทีมงานเดียวกันกับไวน์ตัวท็อปทุกประการ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ Margaux ที่เข้าถึงง่าย แต่ยังคงเอกลักษณ์ความสง่างาม
Baron de Brane โดดเด่นด้วยความนุ่มนวล กลิ่นผลไม้ดำสุก (แบล็กเคอร์แรนต์, เชอร์รี่), โน้ตของวานิลลาและโอ๊กจากการบ่มในถังไม้ฝรั่งเศส ให้ความรู้สึกของ Margaux ที่ละเมียดแต่ดื่มง่าย ไม่ต้องรอหลายปี
✔ ใช้สายพันธุ์องุ่นเดียวกับ Grand Vin
ผสาน Cabernet Sauvignon, Merlot และ Petit Verdot – ทุกสายพันธุ์ปลูกบนแปลงดินกรวดอันเป็นเอกลักษณ์ของ Margaux ทำให้ได้โครงสร้างที่สมดุล มีความเป็น minerality และสามารถพัฒนาได้ในขวด
✔ ตัวเลือกยอดนิยมของนักสะสมและมือใหม่
เหมาะทั้งสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเรียนรู้ Bordeaux และนักดื่มที่ต้องการไวน์ที่มีสายเลือด Grand Cru ในราคาที่เข้าถึงได้ – ให้ประสบการณ์ใกล้เคียงกับไวน์หลักของ Brane-Cantenac แต่พร้อมดื่มเร็วกว่า
2. Chateau de la Vieille Tour Bordeaux Supérieur AOP
Château de la Vieille Tour ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ Bordeaux บนเนินเขาอันเงียบสงบในแคว้น Entre-Deux-Mers ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการผลิตไวน์คุณภาพดีในราคาที่เข้าถึงได้ คำว่า “Vieille Tour” แปลว่า “หอคอยเก่า” ซึ่งอ้างถึงอาคารหินเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใจกลางไร่องุ่น อันเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์และความภาคภูมิใจของไร่ไวน์แห่งนี้
ด้วยประสบการณ์และเทคนิคจากรุ่นสู่รุ่น Château de la Vieille Tour ได้รับการยอมรับในฐานะหนึ่งในผู้ผลิต Bordeaux Supérieur AOP ที่รักษาคุณภาพได้สม่ำเสมอ และเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มผู้รักไวน์ทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ที่ต้องการสัมผัสรสชาติแท้ของ Bordeaux แบบดั้งเดิม
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ โครงสร้างดี เข้มข้น กลมกล่อม
ผสมผสาน Merlot และ Cabernet Sauvignon อย่างลงตัว ให้กลิ่นหอมของผลไม้สีแดงสุก เช่น ลูกพลัม เชอร์รี่ดำ พร้อมโน้ตของเครื่องเทศโอ๊กที่ได้จากการบ่มในถังไม้
✔ Bordeaux Supérieur ที่เกินมาตรฐาน
ไวน์ระดับ Supérieur มีกฎระเบียบที่เข้มงวดกว่า AOC Bordeaux ทั่วไป เช่น การเก็บเกี่ยวผลผลิตที่สุกเต็มที่ และการบ่มที่นานขึ้น – ทำให้ไวน์มีรสเข้มลึกกว่าและเหมาะสำหรับการดื่มร่วมกับอาหาร
✔ ดื่มง่ายในราคาสบายกระเป๋า
เหมาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นกับไวน์ Bordeaux หรือผู้ที่มองหาขวดประจำบ้านในสไตล์ฝรั่งเศสดั้งเดิม พร้อมดื่มได้ทันที ไม่ต้องเก็บไว้นาน
3. Chateau Haut Bergey Pessac Leognan
Château Haut-Bergey ตั้งอยู่ใจกลางเขต Pessac-Léognan หนึ่งในพื้นที่ปลูกองุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Bordeaux ด้านตอนใต้ของ Graves โดยประวัติของไร่นี้ย้อนกลับไปได้ถึงศตวรรษที่ 15 และได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในช่วงปี 1950 ทำให้กลับมาเฉิดฉายในวงการไวน์โลกอีกครั้งในยุคใหม่
ด้วยแนวทางการทำไวน์ที่ผสมผสานระหว่าง ความคลาสสิกแบบ Graves และเทคนิคสมัยใหม่ Château Haut-Bergey เน้นการปลูกองุ่นด้วยแนวทางออร์แกนิก ปลูกบนดินกรวดผสมดินเหนียวซึ่งให้ผลผลิตที่เข้มข้นและมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นผลไม้สุกเข้มข้นผสานโน้ตของเครื่องเทศและไม้โอ๊ก
ไวน์รุ่นนี้มีบุคลิกโดดเด่นด้วยกลิ่นของลูกพรุน แบล็กเคอร์แรนต์ และชะเอม ตามด้วยกลิ่นโอ๊กเก่า กาแฟ และใบยาสูบแห้งจากการบ่มในถังไม้ฝรั่งเศส
✔ โครงสร้างดี มีความบาลานซ์และความลึกในรสชาติ
ผสมผสาน Cabernet Sauvignon และ Merlot เป็นหลัก ให้โครงสร้างแน่น มีแทนนินชัดแต่ไม่แข็ง และพัฒนารสได้ดีเมื่อเก็บในขวด
✔ ไวน์ Bordeaux สไตล์ Graves ที่มีทั้งพลังและความสง่างาม
สะท้อนความดั้งเดิมของไวน์จาก Pessac-Léognan ได้อย่างชัดเจน — เข้มข้นแต่ไม่หยาบ, กลมกล่อมแต่ไม่เบา
✔ อายุการดื่มที่ยืดหยุ่น
พร้อมดื่มตั้งแต่ตอนนี้ หรือจะเก็บต่ออีก 8–10 ปีก็ยังพัฒนาได้อีกชั้น — เหมาะทั้งนักดื่มไวน์มืออาชีพ และนักสะสมที่ต้องการไวน์ Bordeaux คุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผล
4. G.D. Vajra Barolo Albe DOCG
G.D. Vajra คือหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ที่เปี่ยมด้วยจิตวิญญาณในแคว้น Piemonte โดยไร่ไวน์ตั้งอยู่บนเนินเขาใกล้กับหมู่บ้าน Vergne – จุดที่สูงที่สุดของ Barolo โดยครอบครัว Vajra มุ่งมั่นในการผลิตไวน์ด้วยความเคารพต่อธรรมชาติและความงามของภูมิประเทศแห่ง Langhe มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ทศวรรษ 1970
Barolo Albe เป็นการแสดงออกถึงความ “หลากหลายของแสงเช้า” (Albe แปลว่า รุ่งอรุณ) ผ่านการเก็บเกี่ยวองุ่น Nebbiolo จากสามไร่ที่มีความสูงและทิศทางแดดแตกต่างกัน – สะท้อนความกลมกล่อม ลุ่มลึก และมีมิติของไวน์ Barolo ที่เข้าถึงง่ายแต่ยังคงคุณภาพระดับ DOCG
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ Nebbiolo ที่มีชีวิตชีวาและสมดุล
Barolo Albe แสดงออกถึงความสง่างามแบบดั้งเดิมของ Nebbiolo – กลิ่นหอมของกุหลาบแห้ง เชอร์รีสุก สะระแหน่ และเครื่องเทศหวาน ผสานกับกลิ่นแร่และดินแบบคลาสสิกของ Langhe
✔ โครงสร้างแน่นแต่ดื่มง่ายกว่าบารอลโล่ทั่วไป
ด้วยการเก็บเกี่ยวจากแปลงองุ่นที่รับแสงแดดต่างกัน ทำให้ไวน์รุ่นนี้มีแทนนินที่นุ่มกว่า บาลานซ์มากกว่า และเข้าถึงง่ายกว่าสำหรับนักดื่มหน้าใหม่ของ Barolo
✔ ผลิตแบบยั่งยืน โดยไม่ใช้สารเคมีใด ๆ
ครอบครัว Vajra ยึดหลักอินทรีย์ (organic) และยั่งยืนในการดูแลไร่ – ไม่ใช้ปุ๋ยสังเคราะห์หรือยาฆ่าแมลง เพื่อคงคุณภาพของ terroir อย่างบริสุทธิ์
5. Maison Jaffelin Chablis
Maison Jaffelin ถือกำเนิดในปี ค.ศ. 1816 ใจกลางเมือง Beaune ของแคว้น Burgundy และเป็นหนึ่งในเมซงที่ยังคงใช้ห้องเก็บไวน์ใต้ดิน (Caves du Chapitre) อายุกว่า 800 ปีในการหมักบ่มไวน์ ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่ไม่มีใครเหมือน
ในสายไวน์ขาว Chablis นั้น Jaffelin คัดสรร Chardonnay จากไร่องุ่นบนดิน Kimmeridgian limestone ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก – โดดเด่นด้วยฟอสซิลทะเลโบราณ ซึ่งเป็นหัวใจของโครงสร้างไวน์ Chablis ที่สด สะอาด และมีความแร่ (mineral) ชัดเจน
Maison Jaffelin จึงถ่ายทอดไวน์ขาวสายพันธุ์แท้จาก Chablis ได้อย่างบริสุทธิ์ในสไตล์ที่ซื่อสัตย์ต่อ terroir โดยไม่แต่งเติมเกินจำเป็น
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ Chardonnay ที่สดชื่นและเต็มไปด้วยกลิ่นแร่
มีกลิ่นหอมของมะนาวเขียว แอปเปิลเขียว และดอกไม้ขาว ผสานกับโน้ตของหินเปียกและเปลือกหอย – สะท้อนถึงดินหินปูน Kimmeridgian อย่างเด่นชัด
✔ ไม่มีการบ่มในถังไม้ เพื่อคงความบริสุทธิ์ของรสชาติ
ไวน์รุ่นนี้เน้นความสะอาด (purity) และ texture ที่สดใส ไม่มีการบ่มในไม้โอ๊ก จึงเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบไวน์สไตล์ crisp & clean
✔ โครงสร้างดี ความเปรี้ยวสดสมดุล จบค้างยาวแบบหรูหรา
แม้เป็น Chablis ที่ดื่มง่าย แต่ Maison Jaffelin ก็ใส่ใจในความซับซ้อนเล็ก ๆ ทำให้จิบแล้วมีพลัง และจบค้างอย่างละมุน
✔ ตัวเลือกสุดคลาสสิกสำหรับสายไวน์ขาว Burgundy
Maison Jaffelin Chablis คือไวน์ที่เหมาะกับการเปิดดื่มได้ทุกโอกาส ทั้งในมื้อค่ำหรู หรือมื้อกลางวันริมทะเล – สดชื่นแต่ยังคงความละเมียดของเบอร์กันดีไว้ครบถ้วน
6. Caymus Napa Valley Cabernet Sauvignon
Caymus Napa Valley Cabernet Sauvignon คือไวน์ระดับตำนานจากหุบเขา Napa ที่สร้างชื่อให้กับวงการไวน์แคลิฟอร์เนียทั่วโลก ก่อตั้งโดยครอบครัว Wagner ในปี 1972 ที่เมือง Rutherford ใจกลาง Napa Valley ไวน์ของ Caymus เป็นผลผลิตจากความหลงใหลในการทำไวน์ของ Charlie Wagner และลูกชาย Chuck Wagner ผู้สืบทอดเจตนารมณ์ของครอบครัวในการรังสรรค์ Cabernet Sauvignon ที่เข้มข้น นุ่มลึก และดื่มง่ายในทุกยุคทุกสมัย
คำว่า “Caymus” มาจากชื่อดั้งเดิมของพื้นที่ที่ชนพื้นเมืองใช้เรียกเขต Rutherford ซึ่งถือเป็นแหล่งปลูกองุ่นที่มี terroir โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในโลก Caymus ได้กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์ไวน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั้งในอเมริกาและตลาดโลก โดยเฉพาะในหมู่นักสะสมและผู้เสาะหาไวน์สำหรับโอกาสพิเศษ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ 100% Cabernet Sauvignon ที่คัดเลือกจากไร่องุ่นหลายแปลงใน Napa Valley เพื่อให้ได้ความเข้มข้นและกลมกล่อมในทุกขวด
✔ กลิ่นหอมโดดเด่นของแบล็กเคอร์แรนต์ ลูกพรุนสุก แบล็กเบอร์รี่ เคลือบด้วยโน้ตของวานิลลา ดาร์กช็อกโกแลต และโอ๊กหวานจากการบ่มในถังไม้
✔ รสสัมผัสแน่นลึก เนียนนุ่ม เต็มปาก แทนนินละเอียดลื่นไหลแต่ทรงพลัง จบยาวอย่างน่าประทับใจ
✔ ผ่านการบ่มในถัง American oak อย่างพิถีพิถัน เพื่อเพิ่มความอบอุ่น หอมหวาน และมิติที่ซับซ้อน
7. Two Hands Secret Block Shiraz Barossa
Two Hands ก่อตั้งขึ้นในปี 1999 โดย Michael Twelftree และ Richard Mintz ด้วยเป้าหมายเดียวที่ชัดเจน: "แสดงให้โลกเห็นศักยภาพของ Shiraz ออสเตรเลียในแบบที่บริสุทธิ์และไร้การปรุงแต่ง" พวกเขาเลือกชื่อแบรนด์ “Two Hands” เพื่อสื่อถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอนแบบ "ลงมือทำเอง" ตั้งแต่ไร่องุ่นจนถึงการบรรจุขวด
Secret Block เป็นหนึ่งในไวน์ระดับ Single Vineyard ของแบรนด์ที่มักปล่อยออกมาแบบ limited release เฉพาะปีที่มีผลผลิตโดดเด่นจากไร่ใดไร่หนึ่ง ซึ่งในกรณีของ Secret Block นี้คือไร่องุ่นพิเศษในใจกลาง Barossa Valley ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องดินเหนียวสีแดงลึกและอากาศร้อนในเวลากลางวัน – ปัจจัยที่ทำให้ Shiraz ที่ได้มีความเข้มข้น หนาแน่น และซับซ้อน
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ Shiraz จากไร่องุ่นเดี่ยวใน Barossa Valley – เผยศักยภาพสูงสุดของ Shiraz ในพื้นที่คลาสสิกระดับโลก
✔ กลิ่นหอมเข้มข้นของบลูเบอร์รี่แยม แบล็กเชอร์รี และผลไม้สีดำสุกเต็มที่ แทรกด้วยกลิ่นโอ๊ก วานิลลา ดาร์กช็อกโกแลต และโน้ตของเครื่องเทศออสเตรเลีย
✔ รสชาติแน่น เต็มปาก แทนนินเนียนละเอียดและทรงพลัง กลมกล่อมแต่ยังคงโครงสร้าง – จบยาวแบบไวน์เก็บได้
✔ บ่มในถัง French oak ส่วนใหญ่เป็นถังใหม่ เพื่อเสริมโครงสร้างและความหรูหราให้กับไวน์
8. Silver Oak Cabernet Sauvignon Alexander Valley
Silver Oak คือหนึ่งในชื่อที่เป็นสัญลักษณ์ของไวน์แดง Napa & Sonoma ตั้งแต่ปี 1972 โดยสองผู้ก่อตั้ง Raymond Twomey Duncan และ Justin Meyer มีความฝันจะสร้าง Cabernet Sauvignon ที่ พร้อมดื่มทันที แต่ยังมีศักยภาพในการเก็บยาวนาน — แนวคิดที่ขัดแย้งกับไวน์ฝรั่งเศสในยุคเดียวกัน
ไวน์รุ่น Alexander Valley นี้มาจาก Sonoma County ซึ่งเป็นแหล่งปลูก Cabernet ที่ให้ผลผลิตกลมกล่อม นุ่มลึกกว่าน้องชายใน Napa Valley จุดเด่นของ Silver Oak คือการ ใช้ถังบ่ม American oak 100% โดยร่วมมือกับโรงงานผลิตถังของตัวเอง (The Oak Cooperage) เพื่อควบคุมคุณภาพทุกมิติ
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ 100% Cabernet Sauvignon (บางปีอาจมี Merlot/Syrah ผสมเล็กน้อย) จากไร่เฉพาะใน Alexander Valley – ให้รสชาติที่กลมกล่อม ละเมียด และมีบาลานซ์ดีเยี่ยม
✔ กลิ่นหอมของแบล็กเชอร์รี ลูกพลัมอบ ลูกเกดดำ แทรกด้วยกลิ่นถังไม้โอ๊กอเมริกัน วานิลลา มะพร้าวอบ และเครื่องเทศหวาน
✔ รสสัมผัสแน่นแต่นุ่มลึก แทนนินเนียนละเอียดไม่รุนแรง พร้อมความเปรี้ยวที่สดชื่น จิบแล้วมีพลังแต่ไม่ข่ม
✔ บ่มในถัง American oak นานถึง 24 เดือน แล้วพักในขวดอีก 15–18 เดือน ก่อนจำหน่าย – เพื่อความกลมกล่อมในทุกขวด
9. Taittinger Prestige Brut
Taittinger (แตแต็งเฌ่) คือหนึ่งใน Champagne House ที่ยังคงดำเนินกิจการโดยตระกูลดั้งเดิม เป็นแบรนด์แชมเปญเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในเมือง Reims ใจกลางแคว้น Champagne ประเทศฝรั่งเศส ด้วยประวัติศาสตร์ที่ยาวนานตั้งแต่ปี 1734 Taittinger โดดเด่นในด้าน “ความประณีต” และ “ความเป็นตัวของตัวเอง” โดยเฉพาะการเน้น Chardonnay ในการผลิต มากกว่าบ้านอื่น ๆ
Taittinger Brut Réserve (Prestige) คือแชมเปญเรือธงของแบรนด์ ที่ใช้เวลา “บ่มในขวด” นานกว่ามาตรฐานในกลุ่ม Non-Vintage Champagne ทำให้ไวน์มีความละเมียดละไม โดดเด่นทั้งในด้านความสด ความสมดุล และความหรูหราอย่างร่วมสมัย
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ สัดส่วน Chardonnay สูงถึง 40% (พร้อม Pinot Noir 35% และ Pinot Meunier 25%) – ทำให้ไวน์มีความนุ่มละมุน ละเอียด และกลิ่นหอมฟลอรัลเด่นชัด
✔ กลิ่นเปิดด้วยแอปเปิลเขียว ลูกแพร์สด ซิตรัส และขนมปังอบ ตามด้วยกลิ่นดอกไม้ขาวและวานิลลาจาง ๆ
✔ เนื้อสัมผัสเรียบหรู บับเบิลละเอียดแบบครีมมี่ ให้ mouthfeel ที่นุ่มนวลแต่สดชื่น
✔ บ่มในขวด (sur lie) อย่างน้อย 3 ปี – มากกว่าขั้นต่ำตามกฎหมายฝรั่งเศส เพื่อเพิ่มความซับซ้อนและบาลานซ์ที่น่าประทับใจ
10. Wairau River Summer Riesling
Wairau River (ไวราว ริเวอร์) คือหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ระดับครอบครัวที่เป็นไอคอนของแคว้น Marlborough ประเทศนิวซีแลนด์ ก่อตั้งโดยตระกูล Rose ซึ่งปลูกองุ่นเองและผลิตไวน์ภายใต้แนวคิด “Estate-grown, Estate-made” มาตั้งแต่ยุคบุกเบิกของ Marlborough wine scene
Wairau River Summer Riesling คือนิยามของไวน์ขาวที่สดชื่นเบาสบาย ให้กลิ่นรสอ่อนหวานแบบธรรมชาติแต่ไม่เลี่ยน สื่อถึง “ฤดูร้อน” ของ Marlborough ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และกลายเป็นขวดโปรดในช่วงซัมเมอร์ของทั้งนักดื่มหน้าใหม่และนักชิมไวน์สายซอฟต์ทั่วโลก
คาแรกเตอร์เด่น:
✔ กลิ่นหอมสดใสของผลไม้ตระกูลซิตรัสและพีชขาว – เปิดด้วยกลิ่นเลมอน มะนาวเขียว แอปเปิลเขียว และพีชสุก พร้อมโน้ตดอกไม้ขาวแบบเอลเดอร์ฟลาวเวอร์
✔ บาลานซ์แบบ Off-Dry – มีความหวานเล็กน้อย (Residual Sugar) แต่คงความสดใสด้วยกรดธรรมชาติของ Riesling ทำให้ไม่หวานเลี่ยน เหมาะดื่มได้ง่าย
✔ น้ำหนักเบาและสดชื่น – เป็นไวน์ขาวที่จิบง่ายเย็น ๆ ให้ความรู้สึกเหมือนลมเย็นในฤดูร้อน เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่ไม่ชอบไวน์ขาวเปรี้ยวเกินไป