10 Best Seller Wine April 2025 Week 1

5 เมษายน 2025
Posted in: Selection
More from this author
By WINE-NOW

Best Seller Wines of the Week | Curated by Wine-Now.asia

ค้นพบ 10 ไวน์ยอดเยี่ยมที่ได้รับความชื่นชอบจากนักดื่มไวน์ทั่วไทย ตั้งแต่ไวน์แดงชั้นยอดจาก Napa Valley ไวน์ขาวคุณภาพเยี่ยมจาก Marlborough ไปจนถึงไวน์สปาร์คกลิ้งที่เหมาะสมกับทุกโอกาส เหมาะสำหรับหน้าร้อนนี้ ทุกขวดมอบประสบการณ์การชิมที่ไม่อาจลืมเลือน—เหมาะสำหรับนักสะสม, ผู้หลงใหลในอาหาร, หรือใครก็ตามที่ต้องการยกระดับมื้ออาหารหรือการเฉลิมฉลองครั้งถัดไปของคุณ

 


 
Robert Mondavi Napa Valley Cabernet Sauvignon

1. Robert Mondavi Napa Valley Cabernet Sauvignon

Robert Mondavi Napa Valley Cabernet Sauvignon คือหนึ่งในไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดจาก Napa Valley ซึ่งเป็นภูมิภาคที่รู้จักกันดีในการผลิตไวน์ระดับโลก โรงบ่มไวน์ Robert Mondavi ก่อตั้งขึ้นในปี 1966 และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของนวัตกรรมและคุณภาพในโลกของไวน์ชั้นเยี่ยม ไวน์ Cabernet Sauvignon ตัวนี้ผลิตจากไร่ของ Mondavi และถูกสร้างขึ้นด้วยความแม่นยำเพื่อแสดงถึงความยอดเยี่ยมของ terroir ของ Napa Valley ไวน์นี้กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานของ Cabernet Napa Valley แสดงถึงความยอดเยี่ยมและความมุ่งมั่นในการผลิตไวน์ที่มีรสชาติเข้มข้นและเป็นเอกลักษณ์

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงรูบี้เข้มพร้อมเงาอมม่วง
  • กลิ่น: กลิ่นหอมที่เข้มข้นของผลแบล็กเคอแรนท์ พลัมสุก และเชอร์รี่ดำ พร้อมโน๊ตเบาๆ ของยาสูบ ไม้ซีดาร์ และวานิลลา
  • รสชาติ: รสชาติเต็มตัวพร้อมแทนนินที่มีโครงสร้างและรสชาติที่เข้มข้น ซึ่งรวมถึงผลไม้ดำ เครื่องเทศจากการอบ และรสช็อกโกแลตเล็กน้อย
  • ตอนจบ: รสชาตินุ่มนวลและยาวนาน ด้วยความสมดุลที่ลงตัวระหว่างผลไม้ ไม้โอ๊ค และสัมผัสเล็กน้อยของดิน

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
ควรเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 16–18°C เหมาะสำหรับจับคู่กับเนื้อย่าง สเต็ก หรืออาหารที่มีรสชาติเข้มข้น เช่น แกะตุ๋น หรือผักย่าง ไวน์นี้ยังจับคู่ได้ดีเยี่ยมกับชีสเก่าๆ เช่น เชดดาร์ หรือกูด้า สำหรับการดื่มให้ได้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด ควรเปิดไวน์ทิ้งไว้ 30–60 นาที ก่อนเสิร์ฟเพื่อให้ไวน์หายใจและเปิดรสชาติออกมา

จุดเด่น:

  • ✔ Cabernet Sauvignon Napa Valley ที่มีชื่อเสียง: เกณฑ์มาตรฐานของไวน์ Napa Valley ที่รู้จักกันดีสำหรับคุณภาพและรสชาติเข้มข้น
  • ✔ รสชาติที่เต็มตัวและสมดุล: สมดุลที่ลงตัวระหว่างผลไม้ดำ ไม้โอ๊ค และโครงสร้าง พร้อมกลิ่นหลังที่นุ่มนวลยาวนาน
  • ✔ การบ่มจนสมบูรณ์: สร้างขึ้นเพื่อให้ดื่มได้ทันที แต่ก็สามารถเก็บบ่มได้ถึง 10-15 ปี
  • ✔ ฝีมือจากผู้เชี่ยวชาญ: ผลิตโดยหนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Napa Valley, Robert Mondavi
ดูสินค้า

 
Cloudy Bay Sauvignon Blanc

2. Cloudy Bay Sauvignon Blanc

Cloudy Bay Sauvignon Blanc คือหนึ่งในไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดจากภูมิภาค Marlborough ของนิวซีแลนด์ ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านความสดชื่น ความเป็นกรดสดใส และรสชาติที่คมชัด ก่อตั้งในปี 1985, Cloudy Bay เป็นผู้บุกเบิกการยอมรับไวน์ Sauvignon Blanc จาก Marlborough ในระดับโลก ซึ่งตอนนี้ไวน์ชนิดนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของภูมิภาคนี้แล้ว โรงบ่มไวน์นี้มีความมุ่งมั่นในการปลูกองุ่นอย่างยั่งยืนและเทคนิคการผลิตไวน์ที่มีนวัตกรรม ทำให้ Cloudy Bay กลายเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ที่ดีที่สุดของนิวซีแลนด์ ไวน์ Sauvignon Blanc นี้ที่มีโปรไฟล์หอมสดใส ได้กลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับสไตล์นี้

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีเหลืองอ่อนพร้อมเงาสีเขียว
  • กลิ่น: กลิ่นหอมสดชื่นของส้มสด ผลเสาวรส และลูกฟูก พร้อมโน๊ตเล็กๆ ของสมุนไพรและหญ้า
  • รสชาติ: รสชาติกลางถึงเบา พร้อมกรดสดใสและรสชาติของมะนาว แอปเปิ้ลเขียว และผลไม้เขตร้อน โดยมีโน๊ตสมุนไพรที่อ่อนโยน
  • ตอนจบ: รสชาติเบา สดชื่น และยาวนาน พร้อมความสดชื่นที่มีชีวิตชีวาและกลิ่นที่ยาวนาน

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
ควรเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 8–10°C เพื่อรักษาคุณสมบัติความสดชื่นและความหอมของไวน์นี้ เหมาะกับการจับคู่กับอาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม หอยแมลงภู่ หรือปลาขาวย่าง นอกจากนี้ยังเหมาะกับจานอาหารเช่นสลัดชีสแพะ หน่อไม้ฝรั่งสด หรือพาสต้าเบาๆ ไวน์นี้เหมาะสำหรับการดื่มเพลินๆ หรือร่วมกับมื้ออาหารสดชื่นในฤดูร้อน

จุดเด่น:

  • ✔ Sauvignon Blanc จากนิวซีแลนด์ที่มีชื่อเสียง: ตัวอย่างของไวน์ขาวที่มีชื่อเสียงจาก Marlborough ที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
  • ✔ สดชื่นและคมชัด: ไวน์ที่สดใส หอม และมีชีวิตชีวาที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค Marlborough
  • ✔ ได้รับการยกย่องอย่างสูง: Cloudy Bay ถือเป็นหนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่ดีที่สุดของนิวซีแลนด์
  • ✔ การจับคู่ที่หลากหลาย: จับคู่ได้ดีเยี่ยมกับอาหารหลายประเภท โดยเฉพาะอาหารทะเลและสลัด
ดูสินค้า

 
Chateau D'Armailhac 2020

3. Chateau D'Armailhac 2020

Chateau D'Armailhac คือไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงตั้งอยู่ใจกลางแคว้น Pauillac ในบอร์โดซ์ ไร่นี้มีประวัติยาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 และเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Mouton Rothschild ที่มีชื่อเสียง ไวน์ปี 2020 ของ Chateau D'Armailhac ยังคงสืบทอดมรดกของไวน์บอร์โดซ์คุณภาพเยี่ยมของไร่นี้ โดยมีการผสมผสานระหว่างพลัง ความสง่างาม และความซับซ้อน ไวน์นี้ทำจากการผสมผสานระหว่าง Merlot, Cabernet Sauvignon และ Cabernet Franc แสดงถึงลักษณะเด่นของภูมิภาคนี้ พร้อมสัมผัสที่ทันสมัย ไวน์ Chateau D'Armailhac ได้รับการยกย่องในด้านความคงเส้นคงวาและความละเอียดอ่อน ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ดีของไวน์บอร์โดซ์คุณภาพสูงที่ทำให้ภูมิภาคนี้มีชื่อเสียงทั่วโลก

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงรูบี้เข้มพร้อมความใส่ที่เปล่งประกาย
  • กลิ่น: กลิ่นหอมของผลไม้ดำที่สุกงอม, กาแส, และสัมผัสเบาๆ ของยาสูบและไม้ซีดาร์
  • รสชาติ: รสชาติเข้มข้นพร้อมแทนนินที่มีโครงสร้างและเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียน โดยมีรสชาติของผลไม้เข้ม เช่นเบอร์รี่ดำและเครื่องเทศ
  • ตอนจบ: รสยาวและสง่างามพร้อมความหอมของผลไม้และสัมผัสของไม้โอ๊ค

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
ควรเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 16–18°C การเทไวน์ออกมาให้ระบายอากาศเป็นเวลา 1–2 ชั่วโมงจะช่วยให้ไวน์เปิดเผยศักยภาพได้เต็มที่ เหมาะสมที่จะจับคู่กับเนื้อย่าง, อกเป็ด, แกะ หรืออาหารฝรั่งเศสคลาสสิก เช่น coq au vin Chateau D'Armailhac 2020 ยังมีศักยภาพในการเก็บอายุ ทำให้เป็นไวน์ที่ดีในการเก็บไว้บ่มในห้องเก็บไวน์หลายปี

จุดเด่น:

  • ✔ ไวน์บอร์โดซ์ระดับพรีเมียม: จากแหล่งผลิตที่มีชื่อเสียงใน Pauillac ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Mouton Rothschild
  • ✔ การผสมผสานบอร์โดซ์คลาสสิก: Merlot, Cabernet Sauvignon และ Cabernet Franc สร้างไวน์ที่สมดุลและกลมกล่อม
  • ✔ ศักยภาพในการเก็บอายุ: สามารถเก็บไว้บ่มได้หลายปีและพัฒนาคุณภาพได้ดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
  • ✔ ความละเอียดอ่อนและสง่างาม: ไวน์ที่มีโครงสร้างดีและเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวล แสดงให้เห็นถึงแก่นแท้ของบอร์โดซ์
ดูสินค้า

 
Follador Prosecco Treviso Extra Dry Gold DOC

4. Follador Prosecco Treviso Extra Dry Gold DOC

Follador Prosecco Treviso Extra Dry Gold DOC คือไวน์สปาร์กลิ้งระดับพรีเมียมที่ผลิตโดย Follador ซึ่งเป็นโรงไวน์ที่เป็นเจ้าของครอบครัวที่มีประวัติยาวนานในการผลิตไวน์ที่ยอดเยี่ยม ตั้งอยู่ในใจกลางภูมิภาค Treviso ของ Veneto, Follador เป็นที่รู้จักในเรื่องของความมุ่งมั่นในคุณภาพและความเป็นประเพณี Extra Dry Gold DOC เป็นการแสดงถึงความสง่างามอย่างแท้จริง ด้วยองุ่น Glera ที่ดีที่สุดจากภูเขา Treviso ไวน์นี้ผลิตด้วยวิธีการ Charmat ซึ่งช่วยเสริมสร้างความสดชื่นและรสชาติผลไม้ โดยเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความประณีตและความมุ่งมั่นในไวน์ ให้ประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์สำหรับการเฉลิมฉลองหรือโอกาสพิเศษต่างๆ

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีทองอ่อนสดใสพร้อมฟองที่คงอยู่
  • กลิ่น: กลิ่นหอมที่มีกลิ่นดอกไม้จากอะคาเซีย, พีช, และส้ม พร้อมกลิ่นหวานละมุนจากน้ำผึ้ง
  • รสชาติ: รสเบาและสดชื่น พร้อมรสของแอปเปิ้ลเขียว, ลูกแพร์ และพีชขาว เพิ่มความหวานเบาๆ
  • ตอนจบ: รสชาติสะอาด สดชื่น และคงอยู่พร้อมกับรสสัมผัสของส้มที่สดใส

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
ควรเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 6–8°C ไวน์นี้เหมาะสำหรับการเสิร์ฟเป็นอาเปอริทิฟหรือจับคู่กับอาหารทะเลเบาๆ สลัดสด หรือจานเบาๆ เช่น ซูชิและริซอตโต้กับอาหารทะเล นอกจากนี้ยังสามารถจับคู่กับชีสเช่น Brie หรือชีสแพะได้ดี ไวน์นี้เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลอง การยกแก้ว หรือเพียงแค่เป็นของว่างสดชื่นในทุกโอกาส

จุดเด่น:

  • ✔ Prosecco ระดับพรีเมียม: ผลิตจากองุ่น Glera ที่ดีที่สุดจากภูมิภาค Treviso
  • ✔ สง่างามและสดชื่น: ไวน์ที่ราบเรียบและเบา พร้อมรสผลไม้สดใส
  • ✔ เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลอง: เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการยกแก้ว งานเลี้ยง และโอกาสพิเศษ
  • ✔ คุณภาพ DOC: ได้รับการรับรองจาก Denominazione di Origine Controllata (DOC) รับประกันมาตรฐานคุณภาพที่ดีที่สุด
ดูสินค้า

 
Weingut Robert Weil Riesling Kiedricher Tradition

5. Weingut Robert Weil Riesling Kiedricher Tradition

Weingut Robert Weil เป็นหนึ่งในไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของเยอรมนี โดยมีประวัติการผลิตไวน์มายาวนานตั้งแต่ปี 1875 ตั้งอยู่ในภูมิภาค Rheingau ที่มีชื่อเสียง ไร่องุ่นแห่งนี้ได้สร้างชื่อเสียงในด้านการผลิต Riesling ที่ยอดเยี่ยม และ Kiedricher Tradition ถือเป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของความมุ่งมั่นในคุณภาพ ไวน์นี้ทำจากองุ่นที่ปลูกในไร่ Kiedrich ซึ่งขึ้นชื่อเรื่อง Terroir ที่เหมาะสมและสมดุลระหว่างแร่ธาตุและผลไม้ ซีรีส์ Tradition แสดงถึงความทุ่มเทของ Robert Weil ในการผลิตไวน์ที่แสดงถึงลักษณะเฉพาะของดินแดนและพันธุ์องุ่น มันเป็นไวน์ที่รวมทั้งความสง่างามและความละเอียดอ่อน และนำเสนอการแสดงออกแบบคลาสสิกของ Riesling จากหนึ่งในผู้ผลิตไวน์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในเยอรมนี

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีทองอ่อนที่สดใส พร้อมประกายแวววาว
  • กลิ่น: มีกลิ่นหอมของแอปเปิ้ลเขียว ส้ม และกลิ่นหอมที่ละเอียดของน้ำผึ้งและแร่ธาตุ
  • รสชาติ: มีร่างกายกลาง มีความกรอบและสดชื่น รสชาติของผลไม้จากสวน เช่น มะนาว แอปเปิ้ลเขียว และรสชาติของดอกไม้เล็กน้อย
  • ตอนจบ: ยาวและสง่างาม พร้อมจบที่สะอาดสดชื่นและกลิ่นแร่ธาตุที่ละเอียด

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

ควรเสิร์ฟในอุณหภูมิ 8–10°C เพื่อให้รสชาติและกลิ่นหอมสดชื่นออกมาอย่างเต็มที่ ไวน์ Riesling นี้เหมาะที่จะจับคู่กับอาหารหลายชนิด รวมถึงอาหารทะเลสด ปลาย่าง และอาหารเอเชีย โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเผ็ด นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับการจับคู่กับชีส เช่น บรี หรือชีสแพะ รวมไปถึงพาสต้าแบบครีมๆ เหมาะสำหรับทั้งการทานในมื้อสบายๆ หรือโอกาสพิเศษ ไวน์นี้ยังสามารถดื่มได้เป็นเครื่องดื่มอภิเษกสดชื่นก่อนมื้ออาหาร

จุดเด่น:

  • ✔ ไร่องุ่นมีชื่อเสียง: จากหนึ่งในไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดในภูมิภาค Rheingau ของเยอรมนี
  • ✔ การแสดงออกของ Riesling แบบคลาสสิก: สมดุลที่สมบูรณ์ระหว่างผลไม้ แร่ธาตุ และกรด
  • ✔ คุณภาพสูง: ผลิตจากองุ่นจากไร่ Kiedrich ที่ยอดเยี่ยม
  • ✔ การจับคู่ที่หลากหลาย: เหมาะสำหรับการจับคู่กับอาหารหลากหลายประเภท ตั้งแต่อาหารทะเลไปจนถึงชีสครีม
ดูสินค้า

 
Bottega Moscato Vino dell'Amore Spumante

6. Bottega Moscato Vino dell'Amore Spumante

Bottega Moscato Vino dell'Amore Spumante เป็นไวน์สปาร์กลิ้งจากหนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิตาลี Bottega ก่อตั้งขึ้นในปี 1927 โดยครอบครัว และตั้งอยู่ในภูมิภาค Veneto ซึ่งมีชื่อเสียงในการผลิต Prosecco และ Moscato คุณภาพสูง ชื่อ "Vino dell'Amore" แปลว่า "ไวน์แห่งความรัก" ซึ่งสะท้อนถึงลักษณะโรแมนติกของไวน์นี้ ทำจากองุ่น Moscato ผลิตด้วยวิธีการผลิตไวน์สปาร์กลิ้งแบบดั้งเดิมของอิตาลีที่เรียกว่า "Charmat" ซึ่งช่วยรักษาความสดชื่นและความหอมขององุ่น Moscato ไว้ ไวน์นี้มีความหวานอ่อนๆ รสผลไม้ และฟองที่ละเอียด เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษและช่วงเวลาที่โรแมนติก

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีทองอ่อนประกายด้วยฟองที่ละเอียดและยาวนาน
  • กลิ่น: หอมกรุ่นด้วยกลิ่นดอกส้มสดๆ ลูกพีช และกลิ่นของผลไม้ส้มที่สุกงอม
  • รสชาติ: รสชาติอ่อนๆ และนุ่มนวล รสหวานจากลูกพีช มะนาว และกลิ่นหอมของน้ำผึ้งดอกไม้
  • ตอนจบ: นุ่มและสง่างาม พร้อมรสหวานที่ยาวนานและให้รสชาติหลังที่ดี

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
ควรเสิร์ฟในอุณหภูมิ 6°C ถึง 8°C ไวน์นี้เหมาะเป็นเครื่องดื่มเริ่มต้นหรือจับคู่กับผลไม้สด อาหารว่าง และขนมอบ นอกจากนี้ยังเหมาะอย่างยิ่งกับอาหารทะเล โดยเฉพาะหอยนางรม ซูชิ และชีสนุ่มๆ เช่น บรี หรือชีสแพะ เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษ งานแต่งงาน หรือมื้อค่ำที่โรแมนติก

จุดเด่น:

  • ✔ โรแมนติกและสง่างาม: ไวน์แห่งความรักที่เหมาะสำหรับช่วงเวลาพิเศษ
  • ✔ Moscato คุณภาพสูง: ผลิตจากโรงบ่มไวน์ชื่อดัง Bottega ในภูมิภาค Veneto ของอิตาลี
  • ✔ หอมและสดชื่น: หวานและหอม พร้อมรสชาติที่สดชื่น
  • ✔ เหมาะสำหรับการเฉลิมฉลอง: ไวน์ที่เหมาะกับการเฉลิมฉลอง งานแต่งงาน และมื้อค่ำที่โรแมนติก
ดูสินค้า

 
Castello di Fonterutoli Badiola

7. Castello di Fonterutoli Badiola

Castello di Fonterutoli Badiola คือไวน์แดงระดับพรีเมียมที่ผลิตโดยครอบครัว Mazzei ซึ่งเป็นที่รู้จักในแคว้น Tuscany ประเทศอิตาลี ครอบครัว Mazzei มีประสบการณ์ในการผลิตไวน์มากว่า 600 ปี และไร่องุ่นของพวกเขาที่ตั้งอยู่ในใจกลางของ Chianti Classico เป็นที่ยอมรับในการมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศและนวัตกรรม ไวน์นี้มีส่วนผสมของ Sangiovese, Cabernet Sauvignon และ Merlot ซึ่งมอบความสมดุลและความสง่างาม เป็นตัวแทนของการผสมผสานระหว่างประเพณีทัสคานีและเทคนิคการผลิตไวน์สมัยใหม่

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงเข้มที่มีสีทับทิมและสีแกมแกรนิต
  • กลิ่น: หอมและซับซ้อนด้วยกลิ่นของเบอร์รี่แดง เชอร์รี่ พร้อมกลิ่นเครื่องเทศ หนังและยาสูบ
  • รสชาติ: รสเต็มปากและมีโครงสร้างดี พร้อมความสมดุลระหว่างผลไม้สุกและแทนนินที่เนียน
  • ตอนจบ: ยาวนานและสง่างาม พร้อมหลังรสของผลไม้และเครื่องเทศที่ติดค้างในปาก

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
ควรเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 16°C ถึง 18°C เหมาะกับอาหารทัสคานีเช่น เนื้อย่าง พาสต้าไวด์บอร์ หรือชีสจาก Pecorino แก่อายุ นอกจากนี้ยังเข้ากันได้ดีกับซุปหรือเนื้ออบ

จุดเด่น:

  • ✔ ไวน์ทัสคานีระดับพรีเมียม: ผลิตโดยครอบครัว Mazzei ที่มีประสบการณ์มากว่า 600 ปี
  • ✔ ส่วนผสมที่สมดุล: ส่วนผสมระหว่าง Sangiovese, Cabernet Sauvignon และ Merlot
  • ✔ สง่างามและซับซ้อน: กลิ่นของเบอร์รี่แดงและเครื่องเทศ รสเต็มปากและโครงสร้างดี
  • ✔ เหมาะสำหรับคู่กับอาหาร: เหมาะกับอาหารหนักๆ เช่น เนื้อย่าง พาสต้า และชีส
ดูสินค้า

 
Bread & Butter Pinot Noir

8. Bread & Butter Pinot Noir

Bread & Butter Pinot Noir เป็นไวน์พรีเมียมที่ผลิตในแคลิฟอร์เนียในแหล่งผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียง ไวน์นี้เป็นที่รู้จักด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มนวลและรสผลไม้ที่เด่นชัด ซึ่งสะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของการผลิตไวน์ในแคลิฟอร์เนีย ชื่อ "Bread & Butter" ถูกเลือกเพื่อต้องการสื่อถึงรสชาติที่เข้มข้นและเข้าถึงได้ง่าย เหมือนกับขนมปังและเนยที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ องุ่น Pinot Noir ที่ใช้ผลิตไวน์นี้เก็บเกี่ยวด้วยมือจากไร่องุ่นในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิที่เย็น เพื่อให้ได้ไวน์ที่มีความสมดุลและความสง่างาม ไวน์นี้ได้รับความนิยมจากผู้ที่ชื่นชอบไวน์ในสไตล์ที่เข้าถึงง่าย ทำให้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับทั้งผู้ดื่มทั่วไปและผู้เชี่ยวชาญ

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงทับทิมสว่าง พร้อมสีอ่อนและสง่างาม
  • กลิ่น: กลิ่นของราสเบอร์รี่สด เชอร์รี่ และกลิ่นวานิลลาและโอ๊คเล็กน้อย
  • รสชาติ: นุ่มและเนียน รสผลไม้แดง เครื่องเทศอบ และกลิ่นดินเล็กน้อย
  • ตอนจบ: ยาวนานและสมดุล พร้อมจบรสสดชื่นและสะอาด

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
ควรเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 16°C ถึง 18°C เหมาะกับอาหารเช่น แซลมอนย่าง ไก่อบ หรือจานที่มีเห็ด ไวน์นี้ยังเหมาะกับจานชีสที่มี Brie หรือ Gouda

จุดเด่น:

  • ✔ นุ่มและเข้าถึงง่าย: เป็นไวน์ที่ดื่มง่ายและสามารถเข้าถึงได้ทุกคน
  • ✔ เหมาะกับคู่อาหาร: เข้ากันได้ดีเยี่ยมกับอาหารหลากหลายตั้งแต่เนื้อสัตว์ไปจนถึงชีส
  • ✔ ความเป็นเลิศจากแคลิฟอร์เนีย: ไวน์พรีเมียมจากแหล่งผลิตไวน์ที่ดีที่สุดของแคลิฟอร์เนีย
  • ✔ ได้รับรางวัล: ได้รับคะแนนสูงจากนักวิจารณ์ไวน์สำหรับคุณภาพและมูลค่าของมัน
ดูสินค้า

 
Brancaia Chianti Classico DOCG

9. Brancaia Chianti Classico DOCG

Brancaia Chianti Classico DOCG เป็นไวน์ที่มีชื่อเสียงที่ผลิตในใจกลางแคว้นทัสคานี ประเทศอิตาลี โดย Brancaia Winery ก่อตั้งขึ้นในปี 1981 และกลายเป็นมาตรฐานสำหรับการผลิตไวน์ Chianti ที่มีคุณภาพ ไวน์นี้ได้รับการรับรอง DOCG (Denominazione di Origine Controllata e Garantita) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่เคร่งครัดตามวิธีการดั้งเดิมและคุณภาพที่ยอดเยี่ยมจากแหล่งผลิตของมัน ไวน์นี้เป็นการผสมผสานระหว่างองุ่น Sangiovese, Merlot และ Cabernet Sauvignon เล็กน้อย ทำให้ได้รสชาติที่ซับซ้อนและกลมกลืน ไวน์นี้มีชื่อเสียงในเรื่องความสามารถในการเก็บบ่มที่ดีเยี่ยม และเป็นที่ยอมรับในด้านความสมดุลระหว่างผลไม้ ความเป็นกรด และแทนนิน

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีแดงทับทิมที่สดใส พร้อมเงาสีทับทิม
  • กลิ่น: กลิ่นของเชอร์รี่สุก เบอร์รี่ดำ และกลิ่นดอกไวโอเล็ตและหนัง
  • รสชาติ: สมดุลดี รสชาติของผลไม้เข้มข้น เครื่องเทศ และกลิ่นโอ๊คเล็กน้อย
  • ตอนจบ: ยาวนานและสง่างาม พร้อมแทนนินนุ่มนวลและรสชาติติดปากที่สดชื่น

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
ควรเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 16°C ถึง 18°C เหมาะสำหรับจานอาหารคลาสสิกจากทัสคานี เช่น พาสต้าเนื้อย่าง เนื้อย่าง หรือชีสเก่า ไวน์นี้ยังเหมาะกับผักย่างและสตูว์ร้อน

จุดเด่น:

  • ✔ Chianti Classico คุณภาพสูง: ตัวแทนที่แท้จริงของมรดกการผลิตไวน์จากทัสคานี
  • ✔ ได้รับการรับรอง DOCG: เป็นไวน์ที่มีมาตรฐานสูงสุดในเรื่องของความแท้จริงและคุณภาพ
  • ✔ เหมาะสำหรับการเก็บบ่ม: สามารถเก็บบ่มได้อย่างดีและพัฒนาความซับซ้อนตามเวลา
  • ✔ การจับคู่กับอาหารที่หลากหลาย: เข้ากันได้ดีเยี่ยมกับอาหารอิตาเลียนหลากหลายประเภท
ดูสินค้า

 
Banrock Station Moscato

10. Banrock Station Moscato

Banrock Station Moscato เป็นไวน์ขาวที่สดชื่นและมีกลิ่นหอม ผลิตโดย Banrock Station ซึ่งเป็นไร่องุ่นในออสเตรเลียที่มีชื่อเสียงในด้านการทำไวน์ที่ยั่งยืน ตั้งอยู่ในใจกลางของภูมิภาค Riverland ไร่นี้ได้รับการยกย่องในเรื่องการผลิตไวน์ที่สะท้อนถึงความเป็นเอกลักษณ์ของแหล่งผลิตออสเตรเลีย Banrock Station Moscato ผลิตจากองุ่น Muscat คุณภาพสูงและได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มไวน์ที่มีรสผลไม้สดชื่นและหวานเล็กน้อย เป็นไวน์ที่เหมาะสำหรับทุกงานเลี้ยงและสามารถดื่มได้ง่ายๆ ในทุกโอกาส

บันทึกการชิม (Tasting Notes) :

  • สี: สีเหลืองอ่อนสดใส พร้อมกับความใสสะอาด
  • กลิ่น: มีกลิ่นหอมของผลไม้รสเปรี้ยว พีช และกลิ่นดอกไม้เล็กน้อย
  • รสชาติ: รสชาติสดชื่นและมีร่างกายเบาๆ กลมกล่อมระหว่างความหวานและความเป็นกรด รสของพีชสุก มะนาว และผลไม้เขตร้อนเต็มๆ บนลิ้น
  • ตอนจบ: สดชื่นและสะอาด พร้อมรสหวานผลไม้ที่ติดอยู่ในปาก

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:
เสิร์ฟเย็นที่อุณหภูมิ 8°C ถึง 10°C เหมาะกับอาหารเรียกน้ำย่อย สลัดสด หรือชีสอ่อนๆ ยังเหมาะสำหรับทานกับขนมหวานที่มีส่วนผสมของผลไม้ หรือจะดื่มเป็นเครื่องดื่มสดชื่นในช่วงเวลาใดก็ได้

จุดเด่น:

  • ✔ หวานและหอม: Moscato ที่หอมกลิ่นผลไม้สดและจบด้วยรสชาติที่สดชื่น
  • ✔ ดื่มง่าย: รสชาติที่เบาและเหมาะสำหรับการพบปะในงานสังสรรค์
  • ✔ การทำไวน์อย่างยั่งยืน: ผลิตโดยไร่องุ่นที่มุ่งมั่นในการทำไวน์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
  • ✔ การจับคู่ที่หลากหลาย: เข้ากันได้ดีกับอาหารหลากหลายชนิด รวมถึงจานเบาและขนมหวาน
ดูสินค้า