Karthäuserhof – สุนทรียะแห่ง Riesling จากมรดกแห่งกาลเวลา

6 มีนาคม 2025
Posted in: Selection
More from this author
By WINE-NOW

 

| สมบัติล้ำค่าแห่ง Ruwer Valley ใจกลางแคว้นโมเซล (Mosel)

 

ท่ามกลางความงดงามของ Ruwer Valley ใน แคว้นโมเซล (Mosel), เยอรมนี Karthäuserhof คือหนึ่งใน โรงบ่มไวน์ที่เก่าแก่และทรงเกียรติที่สุดในโลก โดยมีประวัติยาวนานตั้งแต่ปี 1335 ผลิตไวน์ที่เป็นตัวแทนของ ความสง่างาม แร่ธาตุ และเอกลักษณ์ของ terroir ได้อย่างลงตัว 

ชื่อของ Karthäuserhof มีที่มาจาก พระคาร์ทูเซียน (Carthusian Monks) ผู้บุกเบิกการปลูกองุ่นในพื้นที่นี้เมื่อหลายร้อยปีก่อน และปัจจุบันภายใต้การดูแลของ Christian Vogt ไวน์ของที่นี่จึงยังคงไว้ซึ่ง ความบริสุทธิ์ ความแม่นยำ และเสน่ห์ที่ยากจะหาใครเทียบได้

 


 

| เอกลักษณ์ของไวน์ Karthäuserhof – สมดุลระหว่างความบริสุทธิ์และซับซ้อน

 

 

Karthäuserhof

 

Karthäuserhof ไม่เพียงแต่เป็นโรงบ่มไวน์ที่สืบทอดประเพณี แต่ยังมุ่งเน้นการสะท้อน เอกลักษณ์ของ terroir ผ่านไวน์ของพวกเขา ดินหินชนวน Devonian Slate ในไร่องุ่นของที่นี่ช่วยเพิ่ม ความสดชื่นและแร่ธาตุที่โดดเด่น ให้กับไวน์ของพวกเขา สภาพอากาศเย็นของ Ruwer Valley ยังช่วยสร้างโครงสร้าง ความเป็นกรดที่สมดุลและพัฒนาไวน์ให้มีศักยภาพในการบ่มได้อย่างยอดเยี่ยม

 

กลิ่นและรสชาติ : ไวน์ ของ Karthäuserhof เป็นที่รู้จักในเรื่อง ความแม่นยำ สดชื่น และมีมิติ ด้วยชั้นของ แอปเปิลเขียว เปลือกส้ม พีชขาว และกลิ่นดอกไม้บางเบา ผสมผสานกับ สัมผัสของแร่ธาตุจากดินหินชนวน

 

ศักยภาพในการบ่ม : แม้ว่าไวน์จะสามารถดื่มได้ตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ไวน์ของ Karthäuserhof นั้น สามารถบ่มได้หลายสิบปี และเมื่อเวลาผ่านไป ไวน์จะพัฒนาโน้ตของ น้ำผึ้ง ถั่ว และกลิ่นเปโตรเลียมที่เป็นเอกลักษณ์ของ Riesling ชั้นเยี่ยม

 

การจับคู่กับอาหาร : Riesling ของที่นี่เป็น ไวน์ที่เข้ากับอาหารได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะกับ อาหารทะเลสด อาหารเอเชีย ไก่ซอสครีม และชีสนุ่มๆ

 


 

| อะไรที่ทำให้ Karthäuserhof พิเศษไม่เหมือนไวน์อื่น?

 

 

Karthäuserhof

 

Terroir อันโดดเด่น – ไร่องุ่นของที่นี่เป็น monopole vineyards ซึ่งหมายความว่าพวกเขาควบคุม คุณภาพขององุ่นตั้งแต่ต้นจนถึงบรรจุขวด ทำให้ได้ไวน์ที่สะท้อน ตัวตนของแหล่งผลิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ดีไซน์ขวดที่ไม่เหมือนใคร – Karthäuserhof เป็นหนึ่งในโรงบ่มไวน์เพียงไม่กี่แห่งที่เลือกใช้ ขวดที่ไม่มีฉลากหลักด้านหน้า แต่แทนที่ด้วย ฉลากบริเวณคอขวด ซึ่งเป็นดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่งดงาม

 

แนวทางการผลิตที่ยั่งยืน – ที่นี่เน้นกระบวนการผลิตไวน์แบบ ธรรมชาติและยั่งยืน ใช้วิธีการ ออร์แกนิคและการแทรกแซงน้อยที่สุด เพื่อให้ไวน์สะท้อน ตัวตนของไร่องุ่นอย่างแท้จริง

 

หนึ่งในโรงบ่มไวน์ที่เก่าแก่ที่สุดของเยอรมนี – ด้วย ประวัติศาสตร์ยาวนานเกือบ 700 ปี Karthäuserhof เป็น หนึ่งในโรงบ่มไวน์ครอบครัวที่เก่าแก่และมีอิทธิพลมากที่สุดในโลก

 


 

| สัมผัสไวน์ Karthäuserhof ด้วยตัวคุณเอง

 

หากคุณกำลังมองหาไวน์ที่มี ความสดชื่น ซับซ้อน และแสดงออกถึง terroir อย่างแท้จริง Riesling ของ Karthäuserhof คือคำตอบ ไม่ว่าคุณจะเป็น นักสะสม หรือผู้ที่อยากค้นพบไวน์เยอรมันชั้นเลิศ ไวน์ของที่นี่จะมอบ ประสบการณ์สุดพิเศษในทุกหยด

 

| Karthäuserhof Eitelsbacher Riesling Alte Reben

Karthäuserhof Eitelsbacher Riesling Alte Reben

| ความเข้มข้นขององุ่นเถาเก่า (Alte Reben) สะท้อนเอกลักษณ์ของแคว้น (Mosel) อย่างแท้จริง

กลิ่น (Aroma):

กลิ่นหอมที่ ลึกซึ้งและสง่างาม โดดเด่นด้วย ซิตรัสสุก แอปเปิลทอง และพีชขาว ผสานกับ กลิ่นดอกมะลิและเอลเดอร์ฟลาวเวอร์ เมื่อไวน์เริ่มเปิดตัว จะเผยสัมผัสของ แร่ธาตุจากหินชนวน น้ำผึ้งบางๆ และควันหินเหล็กไฟจางๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของ Riesling จากองุ่นเถาเก่า (Alte Reben)

 

รสชาติ (Palate):

 

บนเพดานปาก Riesling จากเถาเก่า ขวดนี้ให้ ความลึกและความเข้มข้นที่โดดเด่น มีโน้ตรสชาติของ เปลือกเลมอน มะนาวเชื่อม และแอปริคอต ผสานกับ ความเป็นกรดที่เฉียบคม ซึ่งช่วยเสริมโครงสร้างของไวน์ ความเป็นแร่ธาตุมีความ แม่นยำและชัดเจน ทำให้ไวน์มี สมดุลที่ลงตัวระหว่างผลไม้และเอกลักษณ์ของ terroir

 

สัมผัสสุดท้าย (Finish):

 

ปลายรสชาติ ยาวนานและสดชื่น มีโน้ตของ เปลือกเกรปฟรุต หินบด และสัมผัสเค็มบางๆ ที่ทิ้งรสชาติไว้อย่างนุ่มลึก ไวน์ขวดนี้มี ศักยภาพในการบ่มที่ยอดเยี่ยม โดยเมื่อเวลาผ่านไป จะพัฒนาเป็นไวน์ที่ มีความซับซ้อนและมีมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

 

แนะนำอาหารที่เข้ากัน:

 

กุ้งล็อบสเตอร์ย่างซอสเนยสมุนไพร – เสริมความเป็นแร่ธาตุและความสดชื่นของไวน์
ชีส Comté หรือ Gruyère บ่มนาน – สมดุลกับโครงสร้างของไวน์และรสชาติอูมามิ
สลัดซีฟู้ดรสเปรี้ยวสดชื่น – ตัดกับความเป็นซิตรัสของไวน์ได้อย่างลงตัว
อาหารเอเชียรสจัด –ความเป็นกรดที่สดชื่นช่วยลดความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศ

 

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

 

อุณหภูมิที่เหมาะสม: 8-10°C เพื่อคงความสดชื่นและเผยรสชาติที่สมบูรณ์แบบ

แก้วไวน์: ควรใช้ แก้ว Riesling เพื่อเสริมกลิ่นหอมและรสชาติของไวน์

การถ่ายเทอากาศ: ไม่จำเป็นต้องดีแคนท์ แต่ ควรเปิดไวน์ก่อนดื่ม 15-30 นาที เพื่อให้รสชาติเปิดกว้างอย่างเต็มที่


 

| Karthäuserhof Schieferkristall Riesling

Karthäuserhof Schieferkristall Riesling

เสน่ห์ของไวน์จาก Mosel ความสง่างาม และแร่ธาตุที่ชัดเจน

กลิ่น (Aroma):

 

กลิ่นหอมสดใสและโดดเด่นด้วย ซิตรัสสุกอย่างเลมอนและเกรปฟรุต ผสานกับ แอปเปิลเขียว พีชขาว และดอกไม้สีขาวบางๆ ความเป็นแร่ธาตุชัดเจนด้วยกลิ่นของ หินชนวนเปียก หินบด และสัมผัสควันจางๆ ซึ่งสะท้อน terroir อันเป็นเอกลักษณ์ของ Mosel 

 

รสชาติ (Palate):

 

บนเพดานปาก Karthäuserhof Schieferkristall Riesling มีความ สดชื่น เปล่งประกาย และสมดุลอย่างลงตัว ความเป็นกรดที่คมชัด นำรสชาติของ เปลือกมะนาว ลูกแพร์ และพลัมเหลือง ออกมาได้อย่างโดดเด่น พร้อมสัมผัสของ น้ำผึ้งและสมุนไพรอ่อนๆ ที่เพิ่มความซับซ้อนให้กับไวน์ เนื้อสัมผัส สง่างามแต่มีโครงสร้างดีเยี่ยม โดยมีการผสมผสานระหว่าง ผลไม้ กรด และแร่ธาตุได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

สัมผัสสุดท้าย (Finish):

 

ปลายรสชาติ ยาวนาน สดชื่น และขับเน้นด้วยแร่ธาตุ ทิ้งร่องรอยของ ความเค็มบางๆ เปลือกส้ม และเครื่องเทศอ่อนๆ อย่างพริกไทยขาว ทำให้ไวน์มีความแม่นยำและบริสุทธิ์ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ การจับคู่กับอาหารและการบ่มต่อในอนาคต

 

แนะนำอาหารที่เข้ากัน:

 

หอยนางรมสด & อาหารทะเล – ความเป็นกรดช่วยเสริมความสดของอาหารทะเล
ปลาขาวย่างซอสเลมอนบัตเตอร์ – เข้ากับไวน์ที่มีโน้ตซิตรัสและแร่ธาตุ
สลัดชีสนมแพะกับผักร็อกเก็ต – ตัดกับไวน์ที่มีความเป็นกรดสูงได้อย่างลงตัว
อาหารเอเชียรสจัด – ความสดชื่นของไวน์ช่วยลดความเผ็ดร้อนของอาหาร

 

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

 

อุณหภูมิที่เหมาะสม: 8-10°C เพื่อให้ไวน์มีความสดชื่นและแสดงออกถึงกลิ่นหอมที่ชัดเจน

แก้วไวน์: ควรใช้ แก้ว Riesling เพื่อดึงเสน่ห์ของกลิ่นออกมาให้มากที่สุด

การถ่ายเทอากาศ: ไม่จำเป็นต้องดีแคนท์ แต่ ควรปล่อยให้ไวน์หายใจสักครู่ก่อนดื่มเพื่อเพิ่มความซับซ้อนของรสชาติ


 

| Karthäuserhof Bruno Riesling Dry

Karthäuserhof Bruno Riesling Dry

ความบริสุทธิ์ของ terroir ในแคว้น (Mosel) ที่มีความสดชื่น ซับซ้อนและสง่างาม

กลิ่น (Aroma):

 

หอมสดชื่นและเปล่งประกายด้วยกลิ่นของ แอปเปิลเขียว, ลูกแพร์สุก และเปลือกส้ม ผสานกับกลิ่นของ พีชขาว, ดอกมะนาว และสัมผัสแร่ธาตุจากหินชนวนเปียก ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของแคว้นโมเซล

 

รสชาติ (Palate):

 

สัมผัสแรกให้ ความเป็นกรดที่คมชัดและเนื้อสัมผัสสดชื่น พร้อมรสชาติของ เลมอน, เกรปฟรุต และผลไม้จากสวนผลไม้ โครงสร้างไวน์มีความ ซับซ้อนและสง่างาม จากอิทธิพลของ ดินหินชนวน Devonian slate พร้อมสัมผัสสมุนไพรและโน้ตเค็มบางๆ ที่ทำให้รสชาติสมดุลอย่างลงตัว

 

สัมผัสสุดท้าย (Finish):

 

จบยาวนานและแม่นยำ พร้อมโน้ตของ เปลือกส้ม, แร่ธาตุที่ชัดเจน และเครื่องเทศอ่อนๆ อย่างพริกไทยขาว สมดุลของ กรดและผลไม้ ทำให้ไวน์นี้เป็นตัวเลือกที่ ดื่มง่ายและจับคู่กับอาหารได้ดีเยี่ยม

 

แนะนำอาหารที่เข้ากัน:

 

ซูชิและซาชิมิ – ช่วยเสริมรสชาติของปลาดิบและซอสโชยุ
อาหารทะเลย่าง – เข้ากันได้ดีกับกุ้ง, หอยเชลล์ และปลาขาว
สลัดเบาๆ และชีสนมแพะ – ตัดกับความเปรี้ยวของไวน์ได้อย่างลงตัว
อาหารเอเชียรสจัด – ช่วยบาลานซ์รสชาติเผ็ดและเครื่องเทศในอาหารไทย, เวียดนาม หรืออินเดีย

 

เคล็ดลับการเสิร์ฟ:

 

อุณหภูมิที่เหมาะสม: 8-10°C เพื่อให้ไวน์มีความสดชื่นและแสดงออกถึงกลิ่นหอมที่ชัดเจน

แก้วไวน์: ควรใช้ แก้ว Riesling เพื่อดึงเสน่ห์ของกลิ่นออกมาให้มากที่สุด

การถ่ายเทอากาศ: ไม่จำเป็นต้องดีแคนท์ แต่ ควรปล่อยให้ไวน์หายใจสักครู่ก่อนดื่มเพื่อเพิ่มความซับซ้อนของรสชาติ