Wine-Now Awards Top 20, 2015

5 กุมภาพันธ์ 2016
Wine-Now Awards Top 20, 2015
Posted in: Wine News
More from this author
By Wine Guru@wine-now.com

HTML Source EditorWord Wrap

 

Wine-Now Awards Top 20, 2015

พบกับไวน์ขายดี 20 อันดับ จากการจัดลำดับโดย WINE-NOW.ASIA เว็บไซต์จำหน่ายไวน์ออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย...! ลองมาลุ้น และร่วมสนุกกันนะครับว่า ไวน์ในดวงใจของท่าน จะติดอันดับหรือไม่...และจะติดอันดับใด...? นอกจากนั้น สำหรับท่านที่กำลังมองหาไวน์ใหม่ ๆ ผมว่าข้อมูลนี้ น่าจะมีประโยชน์กับท่านอย่างแน่นอนครับ

 

 

No. 20 : Chateau Latour 1998

Chatateau Latour 1998

 

Chateau Latour 1998 (ชาโต้ ลาตัว 1998) 1 ในสุดยอดไวน์แห่ง 5 อรหันต์ สัญชาติฝรั่งเศส จากเขต Pauillac (โปยัค) การันตีด้วยคะแนน 90+ มีสีแดงทับทิม, กลิ่นของชะเอมเทศ, ตะกั่วดินสอ ซึ่งให้รสชาตินุ่มลึกแบบคลาสสิค  กับรสชาติของผลไม้สุกงอม แฝงด้วยความเค็มเล็กน้อยแบบน้ำแร่ และทิ้งรสสัมผัสอบอวลอยู่ในปากยาวนาน

 

 


No. 19 : Opus One

Opus One

 

"Opus One (โอปุส วัน)" เกิดขึ้นมาจากการร่วมมือระหว่าง "Château Mouton Rothschild (ชาโต้ มูตอง รอธไชลด์)และ "Robert Mondavi (โรเบิร์ต มอนดาวี่)" และถูกจัดเป็นพรีเมียมไวน์ยี่ห้อแรก ที่ผลิตขึ้นในอเมริกา และยังมีราคาที่แพงที่สุด

การทำ Opus One เริ่มจากการเก็บเกี่ยวผลองุ่นด้วยมือใส่ในถังเล็กๆ แล้วมาเทกองรวมกันเพื่อแยกผลองุ่นที่สุกเกินไป และผลที่ยังไม่สุกออกจากกันเสียก่อน หลังจากนั้นนำเข้าเครื่องแยกก้านออกจากผล ซึ่งขั้นตอนนี้บางแห่งใช้เวลาเพียง 10 นาที แต่ที่นี่ใช้เวลาถึง 10 ชั่วโมง Opus One มาพร้อมกับกลิ่นกลีบกุหลาบ (Rose petal), รสสัมผัสที่ยาวนาน นุ่มนวล ละเอียดละเมียดละไม, กับแทนนินที่ได้ระดับอย่างกลมกล่อม ปลายรสชาติของกานพลู (Clove) และ ดาร์กช็อคโกแล็ต (Dark chocolate)

 


No. 18 : Insignia

Insignia

 

"Insignia (อินซิกเนีย)" คือหนึ่งในสุดยอดไวน์จาก Napa Valley (นาป้า วัลเลย์) โดยบริษัท Joseph Phelps จากที่เคยเป็นหนึ่งในบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดใน USA แต่ด้วยความหลงรักในไวน์ เขาจึงได้ซื้อที่ดินกว่า 600 เอเคอร์ในปี 1973 และเริ่มต้นด้วยการผลิตไวน์สไตล์ Bordeaux-blend (บอร์โด เบลน) จนมาถึง Insignia ที่มีคะแนนสูงกว่า 90+ คะแนน จากแต่ละสำนัก ผลิตโดยองุ่นที่ปลูกในที่ปลูกในไร่ของเขาเท่านั้น ผ่านการบ่มในถัง French Oak กว่า 24 เดือน มากับกลิ่นหอมของเหล่าเบอร์รี่สีเข้ม ผสมผสานด้วยเครื่องเทศอบ ดอกไม้ และซิการ์ รสชาติเน้นไปทางความสดชื่นของผลไม้ แทนนินเล็กน้อยนุ่มนวล และเสน่ห์ของไม้โอ๊ค

 

โดยชื่อ Insignia นี้เกิดจากการที่ Joseph พยายามที่จะผลิตไวน์แบบ Special Cuvee แต่ไม่อยากใช้ชื่อในแนวนั้น หรือตั้งเป็น Reserve (รีเซอร์วา) เขา และครอบครัวพยายามแข่งกันคิดค้นชื่อสำหรับไวน์ตัวใหม่นี้ แต่วันหนึ่งก่อนไปทำงานขณะกำลังโกนหนวดอยู่ เขาก็นึกชื่อนึงขึ้นมาได้ และกลายมาเป็นชื่อของพรีเมี่ยมไวน์ขวดนี้ “Insignia” (อินซิกเนีย)

 

 


 No. 17 : Chateau Pichon-Longueville-Baron, Pauillac

Chateau Pichon Longueville baron pauillac

 

Chateau Pichon-Longueville-Baron, Pauillac (ชาโต้ ปิชอง ลองกูวิเยร์ บาลอง, โปยัค) หนึ่งใน 15 ไวน์ฝรั่งเศสระดับ 2ème Cru Classé (Second growth) แต่คุณภาพผลิตโดยไร่ไวเนอรรี่ระดับ First growth กับ 95 คะแนนจาก Robert Parker รสชาติหนักแน่นและแทนนินที่ออกหวาน มีรสชาติของ Mineral (มิเนรอล) เล็กน้อย แต่เต็มไปด้วยความสดชื่นจากดอกไม้, แบล็คเบอร์รี่, กาแฟ และ ไวท์ช็อคโกแล็ต เป็นไวน์แดง (Red Wine) แบบ Full-Bodied (ฟูลบอดี้) เก็บได้ถึงปี 2030 (ประมาณ 20-25 ปี จาก Vintage ตามสไตล์ไวน์พรีเมี่ยมจากแคว้น Pauillac)

 

 


No. 16 : Dominus Estate Napa Valley Bottled

dominus napa valley

 

Dominus Estate Napa Valley (โดมินุส เอสเตท นาป้า วัลเลย์) หนึ่งในโปรเจคของ Christian Moueix นักทำไวน์ชาวฝรั่งเศสชื่อดังผู้ดูแล Château Pétrus ซึ่งเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังกับ Dominus ฉลากนี้ที่มาพร้อมกับคะแนน 90+ จากทุกสำนัก และ 97 คะแนนจาก Robert Parker และ 98 คะแนนจาก James Suckling

 

ไวน์มีสีแดงทับทิมเข้ม กลิ่นหอมของเบอร์รี่สีเข้ม, ลาเวนเดอร์, Mineral, และลูกพลัมสด รสชาติแน่นกระชับ แต่แฝงไปด้วยความ สดชื่นของผลไม้ ผสานด้วย Tannin (ความฝาด) เนียนนุ่ม เป็นความซับซ้อนที่ลงตัวอยู่ในปากยาวนานจนยากที่จะลืม สามารถเก็บไว้ใน Cellar ได้นานถึง 20 ปีก่อนจะนำมาลิ้มรสเมื่อไวน์ Mature แล้ว

 

 


No. 15 : Robert Mondavi Napa valley Cabernet Sauvignon

Robert Mondavi Napa Valley

 

ตัวแทนไวน์จาก Napa Valley โดย Robert Mondavi ได้ก่อตั้ง Winery นี้ในปี 1966 ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่าจะสร้าง "ไวน์ที่ดีที่สุดในโลก" โดยตัวไร่ที่เค้าเลือกนั้นตั้งอยู่ที่เขต Oakville (โอ๊ควิล) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหุบเขา Napa Valley ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา หุบเขาที่มีชื่อเสียงในด้านการทำไวน์รสชาติเยี่ยม ว่ากันว่าไวน์ที่ผลิตจากที่นี่ มีรสชาติเทียบชั้นไวน์จากแคว้น Bordeaux (บอร์โด) ของฝรั่งเศสเลยทีเดียว

 

มาพร้อมกับรสชาติหวานที่ชุ่มฉ่ำของผลแบล็คเบอร์รี่ และแบล็คเคอร์เรนท์ที่ฟุ้งกระจายอย่างต่อเนื่องทั่วทั้งบริเวณเพดานปาก ผสมผสานด้วยรสสัมผัสของมอคค่า และพริกไทยดำที่สอดแทรกอยู่อย่างแนบเนียน ไวน์ฉลากนี้คือการเริ่มต้นที่ล้ำค่าจากรสชาติที่โดดเด่นของผลไม้นานาพันธุ์ ที่ค่อย ๆ ระเหยออกมาตลอดทั้งช่วงเวลาการดื่ม นำไปสู่บทส่งท้ายที่มอบความนุ่มนวลที่ยากจะลืมเลือน

 

 


No. 14 : Antinori Tenuta Tignanello

Antinori Tenuta Tignanello

 

Antinoro Tenuta Tignanello (แอนติโนโร เทนูทา ติกนาเนลโล่) เป็นไวน์สัญชาติอิตาเลียนจาก Marchesi Antinori S.r.l ที่ก่อตั้งมานานกว่า 600 ปี โดย Tignanello ได้สร้างความตื่นตัวให้แก่ผู้ผลิตไวน์ในแคว้น Tuscany (ทัสคานี) จากการเป็นที่แรกซึ่งนำเอา Sangiovese (ซานโจเวเซ่) องุ่นพันธุ์ท้องถิ่น มาบ่มในถังไม้โอ๊คขนาดเล็ก และไม่มีการ Blend ด้วยองุ่นขาว แต่กลับนำเอาองุ่นพันธุ์ Cabernet (กาแบร์เน) ที่ไม่เป็นที่นิยมในสมัยนั้นมาผสมแทน

 

ทั้งนี้ด้วยคะแนนที่สูงถึง 92 และ 93 จาก Wine Spectator และ Wine Adbocate มากับกลิ่นหอมของผลไม้สีแดง บัลซามิค, เชอร์รี่, พลัม และโรสแมรี่ บอดี้ที่หนักแน่น รสชาติที่บาลานซ์อย่างดีเยี่ยมของ โอ๊ค ที่ผสมผสานอยู่กับความเผ็ดร้อนของเครื่องเทศ จบด้วยความฟรุตตี้ของผลไม้ปิดท้าย ด้วย After Taste ที่ยาวนาน

 

 


No. 13 : Drouhin Vaudon Chablis Premier Cru

Drouhin Vaudon Chablis Premier Cru

 

Drouhin Vaudon Chablis Premier Cru (โดรวฮิน เวอร์ดอง ชาบลีส์ พรีเมียร์ ครู) ไวน์ขาวจากองุ่นพันธุ์ Chardonnay (ชาร์ดอนเนย์) ที่เพาะปลูกในเขต Chablis (ชาบลี) หนึ่งในสถานที่ปลูกองุ่น Chardonnay ที่ดีที่สุดของโลก ตั้งอยู่ในแคว้น Burgundy (เบอร์กันดี) ประเทศฝรั่งเศส ด้วยกรรมวิธีการบ่ม ที่ใช้ถัง Stainless แทนถังไม้ Oak จึงทำให้ ไวน์ Drouhin Vaudon สามารถแสดง Character อันเป็นลักษณะเฉพาะขององุ่น Chardonnay ได้ โดยไม่ถูกรสชาติอื่นมารบกวน

 

ไวน์ให้สัมผัสที่ Dry แต่แฝงด้วยความมีชีวิตชีวา โดดเด่นด้วย Aroma ของมะนาว, ส้ม, หน่อไม้ฝรั่ง ทิ้งสัมผัสสุดท้ายด้วยรสของ Mineral และ Fruity ที่จะพัฒนาเป็นรสชาติอันนุ่มนวลของน้ำผึ้งในตอนท้าย นอกจากนั้น Drouhin Vaudon ยังได้รับการยอมรับ ว่าเป็นไวน์ระดับ Premier Cru จากการจัดลำดับขั้นไวน์ฝรั่งเศส จึงทำให้ Drouhin Vaudon Chablis Premier Cru เป็นไวน์ที่คนหลงรัก Chardonnay ไม่ควรครับ

 

 


No. 12 : Almaviva

Almaviva

 

Almaviva (อัลมาวิวา) เป็นไวน์แดง พรีเมี่ยมสัญชาติชิลี ที่เกิดจากการรังสรรค์ของ 2 สุดยอดไวน์เนอรี่ โดยใช้เทคนิคการผลิตไวน์ขั้นสูงจาก Baron Phillippe de Rothschild (บารอน ฟิลลิป เดอรอธส์ชิล์) แห่งฝรั่งเศส รวมกับองุ่นจากไร่ที่ดีที่สุดของ Concha Y Toro (คอนช่า อี โตโร่) แห่งชิลี ไวน์ขวดนี้จึงไม่ได้หมายถึงไวน์คุณภาพพิเศษสุดเท่านั้น แต่เป็นตัวแทนของการรวมกันของสองวัฒนธรรม และเปี่ยมด้วยคุณค่าทางศิลปะ

 

Almaviva ผลิตจากองุ่นหลากหลายสายพันธุ์ ได้แก่ องุ่นพันธุ์ Cabernet Sauvignon (กาแบร์เน โซวีญง), Carmenere, Cabernet Franc (กาแบร์เน ฟรอง) และ Merlot (แมร์โล) ทำให้ตัวไวน์มีกลิ่นเปรี้ยวอมหวานของผลแบล็คเบอร์รี่, ดอไวโอเลต, วานิลลา และซ่อนความเผ็ดของเครื่องเทศ, ทั้งยังมีรสชาติของผลไม้สุก และแทนนินที่ผสมผสานอย่างลงตัว 

 

 


No. 11 : Bollinger Special Cuvee

Bollinger Special Cuvee

 

Bollinger Special Cuvee (โบลิงเกอร์ สเปเชี่ยล คูวี่) คือแชมเปญ ที่มาพร้อมกับฟองอากาศสีทอง อันเกิดจากกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน ตั้งแต่การเก็บเกี่ยวองุ่น ไปจนถึงการบ่มที่ใช้ระยะเวลากว่า 15 ปี โดดเด่นด้วยพันธ์องุ่น Pinot Noir (ปีโน นัวร์) คุณภาพเยี่ยมและการผสมของ Reserve wine Bollinger Special Cuvee จึงเป็นแชมเปญที่มีความซับซ้อนของกลิ่นผลไม้สุก สลับกับกลิ่นหอมของแอปเปิ้ล ลูกพีช และความร้อนจากเครื่องเทศ เมื่อดื่มคุณจะได้รับสัมผัสของฟอง Bubble ละเอียดแน่นราวกับกำมะหยี พร้อมกับความสดชื่นคล้านลูกวอลนัท

 

เหมาะสำหรับทานกับอาหารซีฟู้ด ทั้งจานปลา กุ้ง ไปจนถึงล็อปสเตอร์ ด้วยความหรูหราและพรีเมี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของแชมเปญนี่เอง ทำให้ Bollinger Special Cuvee เป็นแชมเปญที่ได้รับการการันตีมากกว่า 90 คะแนนจากเวทีต่างๆทั่วโลก Bollinger Special Cuvee จึงมักจะถูกให้เป็นของขวัญ ในโอกาสสำคัญๆ หรือดื่มเฉลิมฉลองในหมู่เพื่อน

 

 


No. 10 : Rupert & Rothschild Baron Edmond

Rupert & Rothschild Baron Edmond

 

Rupert & Rothschild Baron Edmond (รูเพิร์ท & รอธไชลด์ บารอง เอ็ดมง)เป็นไวน์แดง จากองุ่นพันธุ์ Merlot (แมร์โล), Cabernet Sauvignon (กาแบร์เน โซวีญง) และ Cabernet Franc  (กาแบร์เน ฟรอง) บ่มในถังไม้และสแตนเลส จนได้รสผลไม้ที่เข้มข้นคล้ายแบล็คเบอร์รี่ และสตอเบอร์รี่ จากนั้นบ่มต่ออีกนิดจนได้สีแดงก่ำ แล้วจึงนำไปขั้นสุดท้ายบ่มในถังไม้โอ๊คฝรั่งเศส เพื่อให้ได้รสดาร์กช็อกโกแลต และกลิ่นกาแฟคั่วอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่เกิดจากการบ่มในถังไม้โอ๊ค 

 

ถือได้ว่า Rupert & Rothschild Baron Edmond เป็นไวน์แดงที่มีกระบวนการผลิตที่พิถีพิถันและละเอียดบรรจงมากเลยทีเดียว Rupert & Rothschild Baron Edmond เหมาะสำหรับทานกับเมนูเนื้อฟิลเล่ย์ กานอชชี่ และอัลมอนต์ 

 

 


 No. 9 : Chateau Clerc Milon, Pauillac

Chateau Clerc Milon Pauillac

 

Chateau Clerc Milon (ชาโตว์ แคลค มิลง, โปยัค) หรือที่คอไวน์ไทยมักจะรู้จักกันว่า “ไวน์ตุ๊กตาคู่” เป็นไวน์จากแคว้น Bordeaux (บอร์โด) ประเทศฝรั่งเศส ระดับ Grand Cru Class ผลิตโดย Baronne Philippine De Rothschild ผู้ผลิตไวน์ชั้นนำของโลก, ที่มาของฉลากไวน์ที่น่าจดจำนั้น มีต้นแบบมาจาก ‘ตุ๊กตาคู่’ ซึ่งเป็นผลงานสลักหินอันวิจิตรของช่างทองชาวเยอรมัน ในทศวรรษที่ 17 แต่สิงที่ทำให้ Chateau Clerc Milon Pauillac มีรสชาติติด World Class และเป็นหนึ่งในไวน์สำคัญ แห่งวงการไวน์ได้นั้น คือพื้นที่ปลูกองุ่นอันทรงคุณค่า ที่ได้รับการกล่าวขานว่า “อัญมณีแห่ง Medoc” นั่นเอง

 

 


No. 8 : Montes Alpha Cabernet Sauvignon

Montes Alpha Cabernet Sauvignon

 

Montes Alpha Cabernet Sauvignon (มอนเตส อัลฟา กาแบร์เน โซวีญง) เป็นไวน์แดงเกรด Premium ส่งตรงจาก Chile รุ่นแรก ๆ ที่บริษัทไวน์ Montes ได้ผลิตขึ้น, ด้วยความมุ่งมั่น และเปี่ยมด้วย Passion จึงทำให้ Montes Alpha Cabernet Sauvignon ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว, มาพร้อมกับรสชาติเข้มข้น ซับซ้อน มีระดับ และเอกลักษณ์เฉพาะตัว Alpha Cabernet Sauvignon จึงกลายเป็นที่ต้องการของร้านไวน์ ร้านอาหาร และโรงแรมระดับสากล จนสร้างให้ Montes Alpha กลายเป็น Premium Brand จาก Chile ที่กลายเป็นที่จดจำไปทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้

 

 


No. 7 : J. Bouchon Cabernet Sauvignon Reserva Especial

J.Bouchon Cabernet Sauvignon Reserva Especial

 

J. Bouchon (เจ. บูชง) คือ Winery ซึ่งตั้งอยู่ใน Maule Valley ประเทศ Chile, ปัจจุบัน J.Bouchon ขับเคลื่อนโดยครอบครัว Bouchon และ Felipe Ramirez (เฟลิเป้ รามิเรซ), Chief Winemaker ที่มีประสบการณ์การทำงานในแหล่งผลิตไวน์ขึ้นชื่อ เช่น Alsace, Bordeaux, California และเคยร่วมงานกับ Winery ชื่อดังระดับ Global มาก่อนมากมาย, ทำให้ J.Bouchon มีผลงานที่สร้างสรรค์ มีความลึกซึ้ง และสามารถนำเอาจุดเด่นของความเป็นไวน์จาก Chile ออกมาได้อย่างงดงามลงตัว,

 

ซึ่งทั้งหมด เป็นรสสัมผัสที่ปรากฎอยู่ใน J. Bouchon Cabernet Sauvignon Reserva Especial ไวน์แดงขวดนี้ นอกจากนั้น ไวน์ขวดนี้ ยังกวาดคะแนนจาก Wine Spactor ได้ถึง 90 คะแนน อย่างสวยงามอีกด้วย

 

 


No.6 : Moët & Chandon Brut Impérial

Moet & Chadon Brut Imperial

 

 

Moët & Chandon (โมเอ้ & ชองดอง) คือ Winery จากประเทศฝรั่งเศส ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในผู้ผลิต Champagne ที่แพงที่สุด และโดดเด่นที่สุดในโลก นอกจากนั้น Moët & Chandon ยังได้รับใบอนุญาติจากสำนักราชวัง ให้เป็นผู้ผลิตแชมเปญถวายแก่พระราชินีอลิซาเบทที่สอง อีกด้วย

 

Moët & Chandon Brut Impérial มาด้วย Character ที่สง่างาม และ Style ที่โดดเด่น ด้วยเอกลักษณ์ที่สดใสของรสชาติผลไม้ ซึ่งถูกบ่มด้วยกรรมวิธีขั้นสูง และเกิดการพัฒนารสชาติอย่างเต็มที่ สร้างรสสัมผัสเปี่ยมชีวิตชีวาทันทีที่สัมผัส, เป็นผลให้ Brut Impérial กลายเป็นหนึ่งใน Champagne ที่เป็นที่ต้องการของตลาด และน่าจับจองมาลิ้มรสให้ได้สักครั้งหนึ่ง

 

 


No. 5 : Allegrini Amarone Classico DOC

Allegrini Amarone
 
Allegrini Amarone Classico DOC (อเลกรินิ อมาโรเน่ คลาสสิโค่ ดีโอซี) เป็นไวน์ Amarone (อมาโรเน่) ราชาไวน์แห่งอิตาลี ที่บริษัทไวน์ Allegrini ได้สร้างสรรขึ้นอย่างไร้ที่ติ และคงความเข้มข้นจากองุ่นแห้ง ซึ่งเป็นจุดเด่นของ Amarone เอาไว้ได้อย่างลงตัว ทั้งยังสามารถกวาดคะแนนจาก Wine Spectator และ Wine Enthusiast ได้ถึง 92 คะแนนอีกด้วย
 
จุดที่น่าสนใจนั้น คือ Allegrini ผู้ผลิตไวน์ขวดนี้ ยังเป็นผู้นำการผลิตไวน์ ใน Valpolicella และ Fumane ประเทศอิตาลี มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16, ด้วยความรักในพื้นที่ และความต้องการที่จะผลักดันประเพณีดั้งเดิมของตน ทำให้ Allegrini กลายเป็นบริษัทไวน์ ที่คนทำไวน์รุ่นใหม่ใหม่ในอิตาลีต้องเดินตาม
 
 

No. 4 : Chateau Latour A Pomerol

Chateau Latour A Pomerol
 
 
ไม่น่าแปลกใจกับ 90+ ขึ้นไปจากทั้ง Robert Parker, Jame Suckling, Wine Spectator และ Wine Enthusiast สำหรับไวน์แดงสุดคลาสสิคจาก Bordeaux (บอร์โด) ขวดนี้มีความเป็นมายาวนาน เคยอยู่ภายใต้การจัดการของ Chateau Petrus อยู่ช่วงหนึ่ง มากับสีแดงเข้ม ตามมาด้วยกลิ่นหอมของ Cherry, Mocha และ Mulberry โชยออกมาจากแก้ว สำหรับรสชาตินั้นค่อนไปทาง Medium ถึง Full กับเลเยอร์ของผลไม้กับแร่ธาตุปะปนกันอย่างลึกซึ้ง ประกอบกับแทนนินที่นุ่มนวล รสชาติทั้งหมดอบอวลอยู่ในปากอย่างยาวนาน เหมาะสำหรับการดื่มฉลองในโอกาสพิเศษอย่างยิ่ง
 
 

No. 3 : Armand de Brignac Brut Gold

Armand de Brignac Brut Gold
 
สิ่งที่ทำให้เราจดจำ Champagne (แชมเปญ)Armand de Brignac (อาร์มัน เดอ บริแยค) ได้ตั้งแต่แรกเห็นนั้น น่าจะเป็นลวดลายซึ่งนำเสนอความหรูหรา ปั้มด้วยสัญลักษณ์รูป “โพดำ” นูนเด่นออกมาอย่างชัดเจน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากแฟชั่นดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศส ต่อมาในปี 2010, Armand de Brignac Brut Gold ได้ติดอันดับ 1 ในการจัดอันดับ Blind tasting “Top One 100 Champagne” ของนิตยสาร Fine Champagne ในอเมริกา
 
โดยผู้เชี่ยวชาญได้กล่าวว่า “ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใด”, แต่จุดที่ทำให้ Armand de Brignac Gold กลายเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างทั่วโลก และเป็น Champagne ราคา Premium ที่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างรวดเร็วนั้น คือการได้ไปปรากฎตัวเป็น Champagne เด่นใน MV เพลง “Show Me What You Got ของ Jay-Z ในปี 2009 นั่นเอง
 
 

No. 2 : Bond Melburry Napa Valley

Bond Melburry Napa Valley
 
 
Bond Melburry Napa Valley (บอนด์ เมลบูรี่ นาป้า วัลเลย์) เป็นไวน์แดงจากฝั่งโลกใหม่ที่เทียบชั้นกับไวน์โลกเก่า ระดับ Grand Cru (กรองครู) ของฝรั่งเศสได้อย่างทัดเทียม ด้วยการคัดสรรองุ่นคุณภาพเยี่ยม จากไร่ปลูกที่ดีที่สุดกว่า 60 ไร่ใน Napa Valley ส่งผลให้ Bond Melburry ยืนหยัดอย่างสง่างาม มากว่าค่อนศตวรรษ
 
 

No. 1 : Château Lynch Bages

Chatateau Lynch Bages
 
 
 
Château Lynch-Bages (ชาโต้ ลินช์ เบจ)ป็นไวน์แดงชั้นเยี่ยม จาก Pauillac (โปยัค) เขตที่เป็นต้นกำเนิดของไวน์ “Grand Cru Class” มาตั้งแต่ปี 1855, ตั้งอยู่ในเขต Medoc ประเทศฝรั่งเศส, ด้วยรสชาติของไวน์ โดดเด่นด้วยกลิ่นหอมนุ่มนวล อบอวลด้วยผลไม้ หวานมัน, สร้างความประทับใจทันทีที่สัมผัส, ตามด้วยความหนักแน่น และความฝาด ที่สร้างความสมดุลย์อันงามสง่า ให้แก่ไวน์ได้อย่างน่าทึ่ง, 
 
ทำให้ Château Lynch-Bages ประสบความสำเร็จหลายปีติดต่อกัน ในระดับ “Deuxièmes Crus” หรือ “Second Growth”, กวาดคะแนนไปได้ถึง 92 และ 93 จาก Wine Spectator และ Wine Enthusiast, และยังเป็นไวน์ขายดี ติดอันดับ 1 พรีเมี่ยมไวน์ ในปี 2558 ผ่านการจัดอันดับของเว็บไซต์ WINE-NOW.ASIA ไปได้อย่างสวยงาม อีกด้วย