Vintage ยิ่งเก่า ยิ่งดีจริงหรือ ?

10 ตุลาคม 2023
Vintage ยิ่งเก่า ยิ่งดีจริงหรือ ?
More from this author
By WINE-NOW

สำหรับเหล่าคอไวน์ คำว่า Vintage (วินเทจ) จะหมายถึง ปีที่ระบุอยู่บนฉลากนั่นเอง ไม่ได้มีความหมายแบบในวงการแฟชั่น ที่หมายถึง ดูย้อนยุค คลาสสิก หรือเรียบหรูแต่อย่างใด

และแน่นอนหลายคนมีข้อสงสัยกับเลขปีที่อยู่บนฉลาก หรือที่มักเรียกติดปากว่า Vintage (วินเทจ) เวลาไปซื้อไวน์ตามร้านก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เลขพวกนี้มันสามารถบอกอะไรเกี่ยวกับไวน์ฉลากนั้นได้บ้าง? แล้วตัว Vintage นั้นนับจากอะไร?

 

| VINTAGE คือ อะไร?

 

Vintage ยิ่งเก่า ยิ่งดีจริงหรือ ?

 

ที่จริงแล้ว เลข Vintage ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนอย่างที่คิด เลขพวกนี้เป็นการบ่งบอก ปีที่องุ่นถูกเก็บเกี่ยว มาเพื่อเข้ากระบวนการผลิต เช่นไวน์ Vintage 2015 หมายถึงองุ่นที่ใช้ผลิตไวน์ Vintage นั้นถูกเก็บเกี่ยวมาในปี 2015 นั่นเอง

 

| แต่ละ VINTAGE มีความแตกต่างเพราะอะไร?

 

Vineyard

 

ด้วยความที่สภาพอากาศ และปัจจัยต่าง ๆ ในการปลูกองุ่น มักแตกต่างกันไปในแต่ละปี บางปีน้ำน้อย แร่ธาตุในดินไม่ดี บางปีอากาศร้อนกว่าปกติ หรือบางปีได้ผลผลิตต่ำ ส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติขององุ่น ทำให้ไวน์แต่ละ Vintage อาจมีรสชาติ และคาแรคเตอร์ไม่เหมือนกัน ดังนั้น นักสะสมไวน์ หรือคอไวน์หลาย ๆ คน มักพิจารณา Vintage ก่อนตัดสินใจซื้อไวน์ในแต่ละครั้ง

 

| VINTAGE ยิ่งเก่า ยิ่งดีกว่าจริงหรือ ?

 

Label with Vintage

 

หลาย ๆ คนอาจมีความเชื่อว่าไวน์ Vintage ยิ่งเก่านั้นยิ่งดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว Vintage เป็นการระบุปีที่เก็บเกี่ยวองุ่น ในบางปีอาจได้ผลผลิตที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ ทำให้รสชาติและคุณภาพของไวน์ Vintage นั้น ๆ อาจไม่เป็นที่ประทับใจของผู้ผลิตและคอไวน์สักเท่าไหร่ เช่น ไวน์ Bordeaux ในปี 1997 เป็นปีที่น่าผิดหวังที่สุด ในขณะที่ Vintage 1990 ซึ่งใหม่กว่า ถูกจัดว่าเป็น Vintage ที่ดีที่สุดของ Bordeaux

 

อย่างไรก็ตาม Vintage (วินเทจ) ส่วนใหญ่จะมีผลกับ Old World Wine (ไวน์โลกเก่า) ที่แต่ละปีมีสภาพอากาศแปรปรวนไม่คงที่ โดยการผลิตไวน์ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิม ซึ่งต้องอาศัยผู้ผลิตไวน์ที่มีประสบการณ์ มีกฎระเบียบทางราชการที่เคร่งครัดในเรื่องของพันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์และในเรื่องการปลูกองุ่นที่มีเงื่อนไขกำหนด

(* ไวน์โลกเก่า  (Old World Wines) คือ ไวน์ที่ ผลิตในประเทศแถบยุโรปทั้งหมด เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน โปรตุเกส ออสเตรีย ฮังการี โรมาเนีย เป็นต้น)

 

Old World Wine vs. New World Wine

 

ซึ่งแตกต่างจาก New World Wine (ไวน์โลกใหม่) ไม่ค่อยได้รับผลกระทบกับเรื่องของ Vintage (วินเทจ) ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถควบคุมคุณภาพของไวน์ได้อย่างคงที่มีมาตราฐาน ทำให้ความแตกต่างของผลผลิตในแต่ละปีไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพไวน์มากมายนัก

 

อีกทั้งผู้ผลิตยังสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ อาทิเช่น การนำไวน์ต่าง Vintage มา Blend เข้าด้วยกันเพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ ซึ่งเรามักเรียกไวน์กลุ่มนี้ว่า "Non-Vintage"

(* * ไวน์โลกใหม่ (New World Wines) คือ ไวน์ที่ผลิตนอกทวีปยุโรป เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ อิสราเอล ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ไทย เป็นต้น)

 

Old World VS New World ต่างกันที่อะไร ?

 

นอกจากนี้เรื่องของทักษะในการผลิตไวน์ก็เป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ได้ไวน์มีคุณภาพดี ถึงแม้ว่า Vintage (วินเทจ) ปีนั้นสภาพแวดล้อมจะไม่ดีก็ตาม

 

ฉะนั้นการที่ไวน์ยิ่งเก่ายิ่งดีนั้น ไม่จริงเสียทีเดียว เพราะผลผลิตที่ได้ในแต่ละปี มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากไม่อยากเสี่ยงและสับสนกับการเลือกไวน์ที่มี Vintage (วินเทจ) ทางเรา Wine-Now.Asia แนะนำว่า New World Wine (ไวน์โลกใหม่ก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าลองครับ