18 พันธุ์องุ่นยอดนิยมที่นักดื่มไวน์ควรรู้จัก

รู้จักกับพันธุ์องุ่นยอดฮิตของโลกไวน์
หากคุณเป็นคนรักไวน์หรืออยากเริ่มต้นเข้าสู่โลกแห่งไวน์ การรู้จักพันธุ์องุ่นยอดนิยมที่ใช้ทำไวน์ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละพันธุ์มีรสชาติ กลิ่น และบุคลิกเฉพาะตัวที่แตกต่างกัน บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับ 18 พันธุ์องุ่นระดับโลกที่ใช้ทำไวน์มากที่สุด พร้อมเกร็ดความรู้เกี่ยวกับลักษณะเด่น แหล่งปลูกหลัก และไวน์ที่โดดเด่นของแต่ละสายพันธุ์! เคล็ดลับการจับคู่ไวน์กับอาหารให้เหมาะสม!
องุ่นยอดนิยม เหล่าองุ่นสายพันธุ์หลักที่มีการปลูกและใช้ผลิตไวน์กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก จะด้วยความนิยมชมชอบส่วนหนึ่ง และก็มีอีกส่วนจากประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน อย่าง กาแบร์แนร์ โซวีญง (Cabernet Sauvignon) และ ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) เป็นองุ่นไวน์ที่เป็นที่นิยมปลูกของประเทศ ฝรั่งเศส (France) แต่องุ่น ซินฟันเดล (Zinfandel) และ มาลเบค (Malbec) นั้นเริ่มแพร่หลายมากขึ้น และกลายเป็นส่วนหนึ่งของสายพันธุ์สากลด้วยเช่นกัน
พันธุ์องุ่นแดง (Red Grape Varieties)
1. Pinot Noir – ปิโนต์นัวร์ – องุ่นที่อ่อนไหวแต่ทรงเสน่ห์
ปิโนต์นัวร์ (Pinot Noir) เป็นองุ่นแดงที่ขึ้นชื่อว่า "องุ่นเจ้าอารมณ์" ด้วยผิวบางและความไวต่อสภาพแวดล้อม ทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่สะท้อน “ตัวตนของแหล่งปลูก (terroir)” ได้ดีที่สุดในโลก เช่นเดียวกับไวน์เบอร์กันดีอันลึกล้ำที่กลายเป็นตำนาน
ลักษณะเด่น: กลิ่นหอมของเชอร์รี่, ราสป์เบอร์รี่, กุหลาบ, ไวโอเล็ต และเครื่องเทศบางเบา โครงสร้างเบาแต่ซับซ้อน
- Acidity (ความเปรี้ยว): สูง
- Body (น้ำหนักในปาก): เบา
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 5–15 ปี (ขึ้นอยู่กับแหล่งผลิต)
- Fermentation: มักหมักใน oak barrels เพื่อเพิ่มความซับซ้อน
แหล่งปลูกหลัก: เบอร์กันดี (Burgundy), แคลิฟอร์เนีย (Sonoma, Santa Barbara), นิวซีแลนด์ (Central Otago)
ไวน์แนะนำ: Burgundy Pinot Noir, Oregon Pinot Noir, Central Otago Pinot Noir
คำว่า "Pinot" มาจากคำว่า “pine” เพราะพวงองุ่นจะรวมตัวแน่นคล้ายลูกสน
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: อกเป็ดซอสเชอร์รี่, ปลาแซลมอนย่าง - ไทย: ไก่ย่างหนังกรอบ, น้ำตกเนื้อ, ลาบหมูรสจัด
Tips จากซอมเมอลิเยร์: ควรดื่มที่อุณหภูมิ 13-16°C และสามารถบ่มในแก้วใหญ่รูปทิวลิปเพื่อเปิดกลิ่น
2. Merlot – เมอร์โล – องุ่นแห่งความนุ่มนวลที่ทุกคนเข้าถึงได้
ชื่อ Merlot มาจากคำว่า “Merle” ในภาษาฝรั่งเศส แปลว่า “อีกา” เพราะนกชอบกินองุ่นพันธุ์นี้ที่มีรสชาติหวานชุ่มฉ่ำ เมอร์โลจึงเป็นองุ่นที่ให้ไวน์เนียนนุ่ม ดื่มง่าย และเป็นหนึ่งในสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก โดยเฉพาะในไวน์บอร์กโดซ์ฝั่งขวา
ลักษณะเด่น: กลิ่นและรสของแบล็กเชอร์รี่ พลัม ลูกพรุน พร้อมโน้ตของโกโก้ ช็อกโกแลต กาแฟ และวานิลลาอ่อน ๆ
- Acidity (ความเปรี้ยว): ปานกลาง
- Body (น้ำหนักในปาก): ปานกลางถึงเต็ม
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 5–10 ปี
- Fermentation: ทั้งใน stainless steel และ oak (ขึ้นอยู่กับสไตล์)
แหล่งปลูกหลัก: บอร์กโดซ์ฝั่งขวา (Saint-Émilion, Pomerol), แคลิฟอร์เนีย (Napa Valley), ชิลี
ไวน์แนะนำ: Château Pétrus (ระดับตำนาน), Saint-Émilion Grand Cru, Napa Valley Merlot
เมอร์โลมักถูกใช้ในการผสมกับ Cabernet Sauvignon เพื่อสร้างความสมดุลในไวน์บอร์กโดซ์ (Bordeaux blend)
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: พาสต้าเนื้อซอสเข้ม, พายเนื้อ, ซี่โครงหมูอบซอส - ไทย: พะแนงเนื้อ, ข้าวซอยไก่, กะเพราเป็ด
Tips จากซอมเมอลิเยร์: Merlot เหมาะกับผู้เริ่มต้นดื่มไวน์แดง เพราะให้รสที่นุ่มนวล ไม่ฝาดเกินไป
3. Nebbiolo – เนบบิโอโล่ – องุ่นผู้ยิ่งใหญ่แห่งอิตาลี
คำว่า "Nebbiolo" มาจากคำว่า "nebbia" ในภาษาอิตาลี ซึ่งหมายถึง "หมอก" ที่ปกคลุมไร่องุ่นในแคว้นปีเอมอนเต (Piedmont) ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว องุ่นพันธุ์นี้ใช้ทำไวน์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของอิตาลีอย่าง Barolo และ Barbaresco ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "ราชาและราชินีแห่งไวน์อิตาเลียน"
ลักษณะเด่น: รสชาติเข้มข้น มีแทนนินสูง กลิ่นหอมของกุหลาบแห้ง หนังสัตว์ ชะเอม และดินเผา โครงสร้างแน่น รสซับซ้อน
- Acidity (ความเปรี้ยว): สูง
- Body (น้ำหนักในปาก): เต็ม (Full-bodied)
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 10–30 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะ Barolo
- Fermentation: มักใช้ถังไม้ขนาดใหญ่ (oak casks) เพื่อบ่มอย่างช้า ๆ
แหล่งปลูกหลัก: อิตาลี (Piedmont – Barolo, Barbaresco)
ไวน์แนะนำ: Barolo DOCG, Barbaresco DOCG
แม้จะให้ไวน์สีอ่อน แต่แทนนินของ Nebbiolo กลับเข้มที่สุดในหมู่ไวน์แดงทั้งหมด!
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: เนื้อวัวอบ, เห็ดพอร์ชินี่, เป็ดตุ๋นไวน์ - ไทย: พะแนงเนื้อสันใน, เนื้อแดดเดียวทอด, แกงฮังเล
Tips จากซอมเมอลิเยร์: ไวน์จาก Nebbiolo เหมาะกับผู้ที่ต้องการดื่มไวน์ที่มีความซับซ้อนและพร้อมเก็บสะสมในระยะยาว
4. Cabernet Sauvignon – กาแบร์เน โซวีญง – ราชันแห่งองุ่นไวน์แดง
Cabernet Sauvignon ถือเป็นหนึ่งในพันธุ์องุ่นไวน์ที่เป็นที่รู้จักและปลูกมากที่สุดในโลก มีต้นกำเนิดจากการผสมระหว่าง Cabernet Franc และ Sauvignon Blanc ในแคว้นบอร์กโดซ์ (Bordeaux) ประเทศฝรั่งเศส โดดเด่นด้วยโครงสร้างแน่นและศักยภาพในการบ่มอันยาวนาน จึงได้รับสมญาว่า “ราชาแห่งองุ่นไวน์แดง”
ลักษณะเด่น: กลิ่นแบล็กเคอร์แรนท์ (Blackcurrant), พริกไทยดำ, ซีดาร์, มินต์ และกลิ่นไม้โอ๊คเข้มข้นจากการบ่ม
- Acidity (ความเปรี้ยว): ปานกลางถึงสูง
- Body (น้ำหนักในปาก): เต็ม (Full-bodied)
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 10–30 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะ Bordeaux และ Napa Valley
- Fermentation: นิยมหมักและบ่มในถังไม้โอ๊คใหม่ เพื่อเสริมกลิ่นเครื่องเทศและโครงสร้าง
แหล่งปลูกหลัก: Bordeaux (ฝรั่งเศส), Napa Valley (สหรัฐอเมริกา), ออสเตรเลีย, ชิลี
ไวน์แนะนำ: Bordeaux Left Bank (Pauillac, Margaux), Napa Valley Cabernet Sauvignon, Coonawarra (Australia)
Cabernet Sauvignon มีเปลือกหนา ทำให้ต้านโรคและทนต่ออากาศร้อนเย็นได้ดี จึงสามารถปลูกได้ในหลากหลายประเทศ
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: สเต็กเนื้อย่าง, เนื้อแกะอบโรสแมรี่, เบอร์เกอร์เนื้อพรีเมียม - ไทย: แกงมัสมั่นเนื้อ, เนื้ออบน้ำผึ้ง, หมูฮ้อง
Tips จากซอมเมอลิเยร์: ควรดื่ม Cabernet Sauvignon ที่อายุเกิน 5 ปีเพื่อให้แทนนินนุ่มนวลขึ้น และควรถ่ายไวน์ลงดีแคนเตอร์ก่อนดื่ม
ดูไวน์ Cabernet Sauvignon ทั้งหมด
5. Malbec – มาลเบค – ดาวเด่นแห่งอาร์เจนตินา
เดิมที Malbec เป็นองุ่นรองในไวน์บอร์กโดซ์ของฝรั่งเศส แต่กลับมาเปล่งประกายใน Mendoza ประเทศอาร์เจนตินา ที่ซึ่งสภาพอากาศแห้งและระดับความสูงของไร่ไวน์ ทำให้มาลเบคแสดงศักยภาพเต็มที่ กลายเป็นไวน์รสเข้มที่ทั้งนักดื่มและนักสะสมต่างหลงรัก
ลักษณะเด่น: รสเข้มข้นของบลูเบอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ลูกพรุนแห้ง พร้อมโน้ตของโกโก้ วานิลลา และควันจากการบ่มในถังโอ๊ค
- Acidity (ความเปรี้ยว): ปานกลาง
- Body (น้ำหนักในปาก): เต็ม (Full-bodied)
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 5–15 ปี (ขึ้นอยู่กับสไตล์)
- Fermentation: มักบ่มใน French หรือ American oak เพื่อเพิ่มกลิ่นไม้และเครื่องเทศ
แหล่งปลูกหลัก: Mendoza (Argentina), Cahors (France)
ไวน์แนะนำ: Mendoza Malbec Reserva, Cahors Malbec
ในอาร์เจนตินา Malbec กลายเป็น "ไวน์ประจำชาติ" และเป็นไวน์ที่มีการส่งออกมากที่สุดของประเทศ
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: บาร์บีคิวซี่โครง, เนื้อย่างสโมก, เบอร์เกอร์เนื้อ - ไทย: ไก่ย่างถ่าน, น้ำตกหมู, แกงป่ารสเผ็ด
Tips จากซอมเมอลิเยร์: หากต้องการรสที่นุ่มนวล ควรเลือก Malbec ที่ผ่านการบ่มอย่างน้อย 12 เดือนในถังไม้โอ๊ค
6. Grenache – เกรนาช – องุ่นแห่งแดดอุ่นและความสดใส
Grenache (หรือ Garnacha ในภาษาสเปน) เป็นองุ่นที่เติบโตดีในสภาพอากาศร้อนแห้ง มีประวัติยาวนานจากแคว้นอารากอนของสเปน และแพร่หลายไปยังฝรั่งเศส โดยเฉพาะใน Rhône Valley ปัจจุบัน Grenache เป็นหนึ่งในสายพันธุ์สำคัญของไวน์สไตล์ Châteauneuf-du-Pape และไวน์โรเซ่จากแคว้นโพรวองซ์
ลักษณะเด่น: กลิ่นของสตรอว์เบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ แบล็กเชอร์รี่ ผสมกับโน้ตของสมุนไพรเมดิเตอร์เรเนียน เช่น โรสแมรี่ ไธม์ และพริกไทยขาว
- Acidity (ความเปรี้ยว): ต่ำถึงปานกลาง
- Body (น้ำหนักในปาก): ปานกลางถึงเต็ม
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 5–10 ปี (โดยเฉพาะ Châteauneuf-du-Pape ที่สามารถเก็บได้นานกว่านั้น)
- Fermentation: บางครั้งบ่มใน oak แต่ส่วนมากใช้ stainless steel เพื่อคงความฟรุตตี้
แหล่งปลูกหลัก: Rhône Valley (ฝรั่งเศส), สเปน (Priorat, Navarra), ออสเตรเลีย
ไวน์แนะนำ: Châteauneuf-du-Pape, Priorat Garnacha, GSM Blend (Grenache-Syrah-Mourvèdre)
Grenache เป็นหนึ่งในองุ่นหลักของไวน์โรเซ่ในโพรวองซ์ และยังเป็นองุ่นที่ให้แอลกอฮอล์สูงที่สุดสายพันธุ์หนึ่ง!
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: ไส้กรอกย่างสมุนไพร, แร็คแกะ, สตูว์เนื้อ - ไทย: แกงเผ็ดเป็ดย่าง, ลาบหมูคั่ว, หมูปิ้งราดแจ่ว
Tips จากซอมเมอลิเยร์: หากคุณชอบไวน์ฟรุตตี้ ดื่มง่าย แต่ยังมีความกลมกล่อม Grenache คือคำตอบที่สมบูรณ์แบบ!
7. Sangiovese – ซานโจเวเซ่ – หัวใจไวน์อิตาลี
ซานโจเวเซ่ (Sangiovese) คือพันธุ์องุ่นที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศอิตาลี โดยเฉพาะแคว้นทัสคานี (Tuscany) และเป็นหัวใจของไวน์ Chianti, Brunello di Montalcino และ Super Tuscan โดดเด่นด้วยความเปรี้ยวที่สดชื่นและโทนรสชาติแบบดิน องุ่นพันธุ์นี้สามารถสะท้อนความแตกต่างของ terroir ได้ดีเยี่ยม จึงมีรสชาติที่หลากหลายตามแหล่งปลูก
ลักษณะเด่น: กลิ่นและรสของเชอร์รี่แดง แครนเบอร์รี่ ดอกไวโอเล็ต และโน้ตของหนัง ยาสูบ สมุนไพรแห้ง และดิน
- Acidity (ความเปรี้ยว): สูง
- Body (น้ำหนักในปาก): ปานกลางถึงเต็ม
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 5–20 ปี โดยเฉพาะ Brunello
- Fermentation: บ่มในถังไม้โอ๊คใหญ่ (Slavonian oak) หรือ French oak
แหล่งปลูกหลัก: Tuscany (Chianti, Montalcino), Umbria, Emilia-Romagna
ไวน์แนะนำ: Chianti Classico, Brunello di Montalcino, Vino Nobile di Montepulciano
คำว่า "Sangiovese" อาจมาจากภาษาละติน "sanguis Jovis" แปลว่า "เลือดของเทพจูปิเตอร์"
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: พาสต้าโบโลเนส, พิซซ่าเปปเปอโรนี, ลาซานญา - ไทย: แกงกระหรี่ไก่, ข้าวคลุกกะปิ, หมูผัดพริกขิง
Tips จากซอมเมอลิเยร์: หากต้องการความซับซ้อน ควรเลือก Sangiovese ที่ผ่านการบ่มมากกว่า 3 ปี เช่น Brunello
8. Tempranillo – เทมปรานิลโย – วิญญาณแห่งไวน์สเปน
Tempranillo เป็นองุ่นที่เปรียบได้กับจิตวิญญาณของสเปน เพราะเป็นหัวใจของไวน์ชื่อดังอย่าง Rioja และ Ribera del Duero ชื่อ “Tempranillo” มาจากคำว่า “temprano” แปลว่า “เช้า” เนื่องจากเป็นองุ่นที่เก็บเกี่ยวเร็วในฤดูกาล องุ่นพันธุ์นี้โดดเด่นด้วยความสามารถในการบ่มในถังไม้โอ๊คได้นาน และให้ไวน์ที่มีโครงสร้างดีพร้อมกลิ่นรสเฉพาะตัว
ลักษณะเด่น: โน้ตของเชอร์รี่ แบล็กเบอร์รี่ ใบยาสูบ หนังสัตว์ วานิลลา และกลิ่นโอ๊คอ่อน ๆ จากการบ่มในถัง
- Acidity (ความเปรี้ยว): ปานกลางถึงสูง
- Body (น้ำหนักในปาก): ปานกลางถึงเต็ม
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 5–20 ปี โดยเฉพาะไวน์ระดับ Reserva และ Gran Reserva
- Fermentation: นิยมบ่มใน American oak เพื่อเพิ่มกลิ่นวานิลลาและเครื่องเทศ
แหล่งปลูกหลัก: Rioja, Ribera del Duero, Navarra (Spain)
ไวน์แนะนำ: Rioja Reserva, Gran Reserva, Ribera del Duero Crianza
Tempranillo มักถูกนำไปผสมกับองุ่นอื่นเช่น Garnacha เพื่อสร้างความซับซ้อนและโครงสร้างของไวน์
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: เนื้อย่างถ่าน, ตาปาสสเปน, แฮม Iberico - ไทย: ไส้อั่ว, คอหมูย่าง, หมูแดดเดียวทอดกระเทียม
Tips จากซอมเมอลิเยร์: ลอง Tempranillo ที่ระบุคำว่า “Reserva” หรือ “Gran Reserva” บนฉลาก หากคุณต้องการสัมผัสความหอมซับซ้อนจากการบ่ม
9. Syrah (Shiraz) – ซิราห์ / ชีราซ – นักรบแห่งไวน์แดง
Syrah หรือ Shiraz คือองุ่นพันธุ์เดียวกันที่ใช้ชื่อแตกต่างกันตามภูมิภาค “Syrah” เป็นชื่อที่ใช้ในฝรั่งเศสและยุโรป ส่วน “Shiraz” ใช้ในออสเตรเลียและนิวเวิลด์ องุ่นสายพันธุ์นี้ให้ไวน์เข้มข้น รสชาติลึก และมีกลิ่นเฉพาะตัวจนกลายเป็นตัวแทนของ “นักรบแห่งไวน์แดง” ที่พร้อมต่อกรกับอาหารรสจัด
ลักษณะเด่น: กลิ่นของแบล็กเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ พริกไทยดำ มะกอกดำ หนังสัตว์ และควันโอ๊ค
- Acidity (ความเปรี้ยว): ปานกลาง
- Body (น้ำหนักในปาก): เต็ม (Full-bodied)
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 7–20 ปี ขึ้นอยู่กับภูมิภาคและการบ่ม
- Fermentation: นิยมบ่มในถังไม้โอ๊ค (ทั้ง French และ American oak)
แหล่งปลูกหลัก: Rhône Valley (ฝรั่งเศส), Barossa Valley (ออสเตรเลีย), แอฟริกาใต้
ไวน์แนะนำ: Côte-Rôtie, Hermitage, Barossa Shiraz, McLaren Vale Shiraz
Syrah เป็นส่วนประกอบหลักในไวน์ “GSM Blend” (Grenache-Syrah-Mourvèdre) ซึ่งเป็นไวน์แดงชื่อดังจากฝรั่งเศสและออสเตรเลีย
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: เนื้อย่างรมควัน, สตูว์เนื้อวัว, ซี่โครงหมู BBQ - ไทย: แกงฮังเล, หมูสามชั้นอบซอส, แกงเผ็ดเป็ดย่าง
Tips จากซอมเมอลิเยร์: หากคุณชอบไวน์เข้ม รสจัด และมีกลิ่นเครื่องเทศ ลอง Syrah จากฝรั่งเศส หรือ Shiraz จากออสเตรเลียที่ให้โทนผลไม้เข้มข้น
พันธุ์องุ่นขาว (White Grape Varieties)
10. Riesling – รีสลิง – องุ่นขาวแห่งความเปรี้ยวสดใสและความหอมหวาน
Riesling คือราชินีแห่งไวน์ขาวของเยอรมนี มีชื่อเสียงเรื่องกลิ่นหอมโดดเด่น ความเปรี้ยวสดชื่น และความสามารถในการบ่มยาวนาน บางสไตล์อาจหวานนุ่มละมุน บางสไตล์แห้งสนิทจนกลายเป็นไวน์ที่จับคู่กับอาหารได้หลากหลายที่สุดในโลก โดยเฉพาะอาหารรสจัดแบบเอเชีย
ลักษณะเด่น: กลิ่นของแอปเปิลเขียว มะนาว น้ำผึ้ง ดอกไม้ขาว และในไวน์ที่ผ่านการบ่มอาจมีโน้ตของน้ำมันเบนซินอันเป็นเอกลักษณ์
- Acidity (ความเปรี้ยว): สูงมาก
- Body (น้ำหนักในปาก): เบา
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 10–30 ปี โดยเฉพาะสไตล์ Trockenbeerenauslese
- Fermentation: ส่วนใหญ่ใช้ถังเหล็ก (stainless steel) เพื่อคงความหอมสด
แหล่งปลูกหลัก: เยอรมนี (Mosel, Rheingau), ฝรั่งเศส (Alsace), ออสเตรเลีย (Clare Valley, Eden Valley)
ไวน์แนะนำ: German Riesling Kabinett / Spätlese, Alsace Grand Cru Riesling, Australian Dry Riesling
Riesling เป็นหนึ่งในไวน์ขาวไม่กี่ชนิดที่สามารถบ่มได้นานหลายสิบปีและพัฒนาโทนกลิ่นอย่างชัดเจนเมื่ออายุเพิ่มขึ้น
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: อาหารทะเล, หมูอบแอปเปิล, ฟัวกราส์ (เมื่อใช้ Riesling หวาน) - ไทย: ต้มยำกุ้ง, ส้มตำปลาร้า, แกงส้มใต้, ข้าวคลุกน้ำพริกกะปิ
Tips จากซอมเมอลิเยร์: Riesling แห้ง (Dry) เหมาะกับผู้ที่ชอบไวน์ซ่าเปรี้ยวสะอาด ส่วน Riesling หวาน (Sweet) เหมาะดื่มคู่กับของเผ็ดหรือเป็นไวน์ของหวานก็ได้เช่นกัน
11. Chenin Blanc – เชอแนง บลอง – องุ่นสารพัดประโยชน์แห่งลุ่มน้ำลัวร์
Chenin Blanc เป็นองุ่นขาวที่ยืดหยุ่นสูง สามารถผลิตได้ทั้งไวน์แห้ง ซ่า (sparkling) หรือไวน์หวานเข้มข้น โดยเฉพาะจากลุ่มน้ำลัวร์ (Loire Valley) ประเทศฝรั่งเศส และยังเป็นองุ่นที่สร้างชื่อเสียงให้กับแอฟริกาใต้อย่างมากในยุคปัจจุบัน
ลักษณะเด่น: กลิ่นหอมของแอปเปิลเขียว ดอกไม้ ขิง น้ำผึ้ง และมะนาว มีทั้งโทนเปรี้ยวสดชื่น หรือซับซ้อนแบบไวน์หวาน depending on style
- Acidity (ความเปรี้ยว): สูง
- Body (น้ำหนักในปาก): เบาถึงปานกลาง
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 5–25 ปี โดยเฉพาะไวน์หวานจาก Vouvray หรือ Quarts de Chaume
- Fermentation: ได้ทั้งในถังสเตนเลสและถังไม้ ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต
แหล่งปลูกหลัก: ฝรั่งเศส (Loire Valley – Vouvray, Savennières), แอฟริกาใต้ (Swartland, Stellenbosch)
ไวน์แนะนำ: Vouvray Demi-Sec, South African Old Vine Chenin Blanc
ในบางพื้นที่ Chenin Blanc ถูกเรียกว่า “Steen” โดยเฉพาะในแอฟริกาใต้
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: หอยแมลงภู่ไวน์ขาว, ปลาอบซอสเนย, ไก่อบสมุนไพร - ไทย: ปลานึ่งมะนาว, แกงเหลือง, ข้าวผัดปู, น้ำพริกกะปิ
Tips จากซอมเมอลิเยร์: หากคุณต้องการไวน์ขาวที่เหมาะกับทุกมื้ออาหารและมีความเปรี้ยวสดพร้อมกลิ่นหอมซับซ้อน Chenin Blanc คือหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุด
12. Gewürztraminer – เกวิร์ซทรามิเนอร์ – องุ่นหอมจัดที่ยากจะลืม
เกวิร์ซทรามิเนอร์ คือหนึ่งในองุ่นที่มีกลิ่นหอมโดดเด่นที่สุดในโลก ชื่อของมันมาจากคำว่า “Gewürz” ที่แปลว่า “เครื่องเทศ” ในภาษาเยอรมัน ทำให้ไวน์จากองุ่นชนิดนี้มีบุคลิกหอมหวานจัดจ้าน เหมาะสำหรับคนที่หลงใหลในไวน์ที่มีเอกลักษณ์ทางกลิ่นชัดเจน
ลักษณะเด่น: กลิ่นลิ้นจี่ กุหลาบ ดอกส้ม และเครื่องเทศตะวันออก รสชาติหวานอมเปรี้ยว บางครั้งจะมีความขมปลายเล็กน้อยซึ่งเพิ่มเสน่ห์เฉพาะตัว
- Acidity (ความเปรี้ยว): ต่ำถึงปานกลาง
- Body (น้ำหนักในปาก): ปานกลางถึงเต็ม
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 5–15 ปี โดยเฉพาะไวน์สไตล์หวานหรือ Vendange Tardive
- Fermentation: ส่วนใหญ่ใช้ถังเหล็กหรือถังเก่าเพื่อคงความหอมโดยไม่เติมกลิ่นไม้
แหล่งปลูกหลัก: Alsace (France), เยอรมนี, อิตาลีตอนเหนือ (Trentino-Alto Adige)
ไวน์แนะนำ: Alsace Gewürztraminer, Spätlese หรือ Auslese Gewürztraminer
Gewürztraminer เป็นหนึ่งในไวน์ไม่กี่ชนิดที่สามารถจับคู่ได้ดีกับอาหารรสเผ็ดจัด เช่น อาหารไทยหรืออินเดีย
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: ฟัวกราส์, แฮมรมควัน, ชีสนุ่ม - ไทย: แกงมัสมั่น, กุ้งผัดพริกเกลือ, ต้มข่าไก่, ข้าวซอย
Tips จากซอมเมอลิเยร์: เสิร์ฟ Gewürztraminer เย็นเล็กน้อย (ประมาณ 8–10°C) เพื่อดึงกลิ่นหอมออกมาอย่างเต็มที่
13. Viognier – วิโอญิเยร์ – องุ่นหอมพีชแห่ง Rhône Valley
Viognier เป็นองุ่นขาวที่เคยเกือบสูญพันธุ์ในศตวรรษที่ 20 แต่กลับมาโด่งดังอีกครั้งจากการผลักดันของผู้ผลิตไวน์ใน Rhône Valley และแคลิฟอร์เนีย จุดเด่นคือกลิ่นหอมฟลอรัลชัดเจน ผสมกับผลไม้หอมหวาน ทำให้ไวน์จาก Viognier มีความเย้ายวนในสไตล์ที่หาได้ยากจากองุ่นขาวอื่น ๆ
ลักษณะเด่น: กลิ่นหอมของดอกมะลิ ดอกส้ม พีช แอปริคอต และบางครั้งมีโทนของขิงหรือเปลือกส้ม
- Acidity (ความเปรี้ยว): ต่ำถึงปานกลาง
- Body (น้ำหนักในปาก): ปานกลางถึงเต็ม
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 3–8 ปี
- Fermentation: ได้ทั้งแบบสเตนเลสและการบ่มในไม้โอ๊คเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส
แหล่งปลูกหลัก: Rhône Valley (ฝรั่งเศส), California (USA), ออสเตรเลีย
ไวน์แนะนำ: Condrieu (ฝรั่งเศส), California Viognier, Yalumba Viognier (ออสเตรเลีย)
ใน Rhône Valley Viognier มักถูกนำมาผสมเล็กน้อยในไวน์แดง Syrah เพื่อเพิ่มกลิ่นหอมและความนุ่มละมุน
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: หอยเชลล์ย่าง, ซูเฟล่ชีส, พาสต้าไวท์ซอส - ไทย: แกงกะหรี่ไก่, ยำส้มโอ, กุ้งอบวุ้นเส้น, ไก่ผัดเม็ดมะม่วง
Tips จากซอมเมอลิเยร์: Viognier ควรดื่มในวัยหนุ่มสาวเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเต็มที่ และเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบไวน์เปรี้ยวแต่ยังต้องการความซับซ้อน
14. Pinot Grigio – ปิโนต์ กรีโจ – ไวน์ขาวสดชื่น ดื่มง่าย
Pinot Grigio (ในฝรั่งเศสเรียกว่า Pinot Gris) เป็นองุ่นไวน์ขาวที่เติบโตดีในอิตาลีตอนเหนือ โดยเฉพาะในแคว้นเวเนโตและฟริอูลี ให้ไวน์ที่เบา สดชื่น และดื่มง่าย กลายเป็นหนึ่งในไวน์ขาวยอดนิยมทั่วโลก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นเข้าสู่โลกของไวน์
ลักษณะเด่น: กลิ่นหอมของลูกแพร์ แอปเปิล มะนาว และดอกไม้สีขาว บางสไตล์อาจมีกลิ่นแร่ธาตุหรืออัลมอนด์
- Acidity (ความเปรี้ยว): ปานกลางถึงสูง
- Body (น้ำหนักในปาก): เบาถึงปานกลาง
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 2–5 ปี (ควรดื่มไวน์ใหม่เพื่อความสด)
- Fermentation: ส่วนใหญ่ใช้ถังสเตนเลสเพื่อคงความสดชื่น
แหล่งปลูกหลัก: อิตาลี (Veneto, Friuli), ฝรั่งเศส (Alsace), เยอรมนี และบางส่วนในสหรัฐอเมริกา
ไวน์แนะนำ: Italian Pinot Grigio delle Venezie, Alsace Pinot Gris, Oregon Pinot Gris
แม้จะเป็นองุ่นขาว แต่ Pinot Grigio มีสีเปลือกอมเทา (Gris หมายถึง "เทา" ในภาษาฝรั่งเศส)
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: ซีฟู้ดซาชิมิ, สลัดผลไม้, หอยนางรม - ไทย: ยำวุ้นเส้น, กุ้งอบเกลือ, ยำสาหร่าย, ต้มยำทะเลน้ำใส
Tips จากซอมเมอลิเยร์: ควรเสิร์ฟ Pinot Grigio เย็นประมาณ 7–9°C เพื่อคงความสดใสและผลไม้ในไวน์
15. Sauvignon Blanc – โซวีญยอง บลอง – สดชื่น หอมสมุนไพร
Sauvignon Blanc คือหนึ่งในองุ่นไวน์ขาวที่คนทั่วโลกหลงรัก ด้วยความสดชื่น เปรี้ยวจี๊ด และกลิ่นสมุนไพรเขียว ๆ ที่โดดเด่น โดยมีจุดกำเนิดจากฝรั่งเศส (Loire Valley) และกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในนิวซีแลนด์ (Marlborough) ที่ทำให้โลกจำชื่อองุ่นนี้ได้
ลักษณะเด่น: กลิ่นหญ้าสด สมุนไพร ใบมะเขือเทศ เสาวรส ส้มโอ และผลไม้ตระกูลซิตรัส
- Acidity (ความเปรี้ยว): สูง
- Body (น้ำหนักในปาก): เบาถึงปานกลาง
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 2–7 ปี (สไตล์บ่มถังไม้เช่น Bordeaux Blanc สามารถบ่มได้นานขึ้น)
- Fermentation: ส่วนใหญ่ใช้ถังสเตนเลสเพื่อคงกลิ่นหอมสด หรือถังไม้ในสไตล์บอร์กโดซ์
แหล่งปลูกหลัก: Loire Valley (Sancerre, Pouilly-Fumé – ฝรั่งเศส), Marlborough (นิวซีแลนด์), Napa Valley (สหรัฐอเมริกา), ชิลี
ไวน์แนะนำ: Sancerre, Marlborough Sauvignon Blanc, Bordeaux Blanc (มักผสมกับ Semillon)
Sauvignon Blanc เป็นหนึ่งในองุ่นหลักที่ใช้ผลิตไวน์ขาวบอร์กโดซ์ และยังใช้ในไวน์หวานชื่อดังอย่าง Sauternes ร่วมกับ Semillon
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: หอยนางรมสด, ปลากะพงนึ่งมะนาว, ชีสแพะ - ไทย: ยำมะม่วง, แกงเลียง, ต้มยำปลาน้ำใส, ข้าวต้มปลา
Tips จากซอมเมอลิเยร์: หากคุณชอบไวน์ที่ “สด” เปรี้ยวสะอาด และดื่มง่าย Sauvignon Blanc คือคำตอบ — โดยเฉพาะจาก Marlborough ที่มีสไตล์โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์
ดูไวน์ Sauvignon Blanc ทั้งหมด
16. Moscato – มอสกาโต้ – องุ่นหอมหวาน น่าหลงใหล
Moscato (ชื่อเต็มคือ Muscat Blanc à Petits Grains) คือองุ่นที่ให้ไวน์หวานเบา ๆ หอมกลิ่นผลไม้และดอกไม้ เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่นักดื่มไวน์หน้าใหม่ ด้วยความสดชื่น ดื่มง่าย และมีระดับแอลกอฮอล์ต่ำ โดยเฉพาะในสไตล์ Moscato d’Asti จากอิตาลีที่มีชื่อเสียงทั่วโลก
ลักษณะเด่น: กลิ่นของลูกพีช ลิ้นจี่ ดอกส้ม แอปริคอต และน้ำผึ้ง พร้อมสัมผัสความหวานเบา ๆ และความซ่าจากฟองอ่อน
- Acidity (ความเปรี้ยว): ปานกลาง
- Body (น้ำหนักในปาก): เบา
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 1–3 ปี ควรดื่มขณะยังสดใหม่
- Fermentation: ใช้วิธีหยุดการหมักก่อนเสร็จเพื่อคงความหวานและฟองซ่าเบา
แหล่งปลูกหลัก: อิตาลี (Piedmont), สเปน, ฝรั่งเศสตอนใต้, แคลิฟอร์เนีย
ไวน์แนะนำ: Moscato d’Asti DOCG, Spanish Moscatel, Pink Moscato (California)
Moscato เป็นไวน์ขาวที่มักมีฟองเล็ก ๆ (frizzante) และแอลกอฮอล์ต่ำเพียง 5–7% เหมาะสำหรับจิบยามบ่ายหรือเป็นไวน์ของหวาน
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: เค้กผลไม้, มาการอง, ชีสบรีกับน้ำผึ้ง - ไทย: ข้าวเหนียวมะม่วง, ทับทิมกรอบ, โรตีกรอบ, ผลไม้สด
Tips จากซอมเมอลิเยร์: เสิร์ฟ Moscato แบบเย็นจัดจะยิ่งทำให้กลิ่นผลไม้และดอกไม้หอมเด่นขึ้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับสายหวานหรือมือใหม่ที่อยากเริ่มต้นดื่มไวน์
17. Semillon – เซมิยอง – หัวใจของไวน์หวานบอร์กโดซ์
Semillon เป็นองุ่นขาวที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในไวน์หวานระดับโลกจากฝรั่งเศสอย่าง Sauternes ซึ่งเกิดจากกระบวนการ Botrytis (เชื้อราขุยหวาน) ที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นและซับซ้อน นอกจากสไตล์หวานแล้ว ยังใช้ทำไวน์ขาวแห้งที่มีโครงสร้างดี เช่น Bordeaux Blanc และไวน์แห้งจาก Hunter Valley ของออสเตรเลีย
ลักษณะเด่น: กลิ่นของแอปเปิลเขียว น้ำผึ้ง ลูกแพร์ มะนาว ขนมปังปิ้ง และแร่ธาตุ ความหอมจะพัฒนาเมื่อบ่ม
- Acidity (ความเปรี้ยว): ปานกลางถึงสูง
- Body (น้ำหนักในปาก): ปานกลางถึงเต็ม
- Aging Potential (อายุการเก็บ): 10–30 ปี (โดยเฉพาะ Sauternes)
- Fermentation: มักบ่มในถังไม้โอ๊ค โดยเฉพาะในไวน์หวาน เพื่อเพิ่มกลิ่นวานิลลาและเนย
แหล่งปลูกหลัก: Bordeaux (ฝรั่งเศส), Hunter Valley (ออสเตรเลีย), แอฟริกาใต้
ไวน์แนะนำ: Sauternes (เช่น Château d’Yquem), Hunter Valley Semillon, Bordeaux Blanc (มักผสมกับ Sauvignon Blanc)
Sauternes ที่ทำจาก Semillon เป็นหนึ่งในไวน์หวานที่มีราคาสูงที่สุดในโลก และสามารถเก็บไว้ได้นานกว่า 50 ปี!
จับคู่กับอาหาร: - ตะวันตก: ฟัวกราส์, ขนมหวานผลไม้, ชีสบลู - ไทย: ขนมไทยกะทิ, กล้วยบวชชี, แกงกะทิหวานมัน (เมื่อดื่มกับ Sauternes)
Tips จากซอมเมอลิเยร์: ถ้าเป็น Semillon แห้งควรดื่มเมื่อยังอายุน้อยเพื่อความสด ส่วนไวน์หวานควรบ่มเพื่อให้เกิดกลิ่นซับซ้อนและเนื้อสัมผัสนุ่มลึก
18. Chardonnay – ชาร์ดอนเนย์ – ราชินีแห่งองุ่นขาว
Chardonnay เป็นองุ่นขาวที่ได้รับความนิยมสูงสุดในโลก และได้รับฉายาว่า "ราชินีแห่งองุ่นขาว" เนื่องจากมีความสามารถพิเศษในการสะท้อนลักษณะของแหล่งปลูก (terroir) ได้อย่างชัดเจน มีต้นกำเนิดจากแคว้นเบอร์กันดี (Burgundy) ของฝรั่งเศส ก่อนจะโด่งดังไปทั่วโลก โดยเฉพาะไวน์ขาวชั้นยอดจากเขต Chablis และ Côte de Beaune ในเบอร์กันดี หรือสไตล์เข้มข้นนุ่มนวลที่ได้รับความนิยมในแคลิฟอร์เนียและออสเตรเลีย Chardonnay ยังเป็นองุ่นสำคัญในการผลิตแชมเปญ (Champagne) ซึ่งเพิ่มความละเอียดอ่อนและซับซ้อนให้กับสปาร์คกลิ้งไวน์ระดับโลกหลายชนิด
ลักษณะเด่น: Chardonnay มีบุคลิกที่แตกต่