15 ไวน์ราคาแพงระดับโลกที่คุณต้องรู้จัก

24 พฤศจิกายน 2021
15 ไวน์ราคาแพงระดับโลกที่คุณต้องรู้จัก
Posted in: Wine News
More from this author
By WINE-NOW
ทุกวงการ ต้องมีการจัดรายการของระดับสุดยอดในแต่ละสาขา วงการไวน์ก็เป็นอีกหนึ่งวงการที่แข่งขันกันสร้างและค้นหาสุดยอดไวน์ เพื่อนำเข้ามาประดับในสาขาต่าง ๆ อย่างเช่นไวน์ทั้ง 15 ฉลากต่อไปนี้ ถูกขนานนามว่าเป็น "ไวน์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก"
 
15 World Most Expensive Wine

| 15. 1951 Penfolds Grange (750 ml.)

ราคา: 51,750 USD / 69,000 USD ต่อลิตร
ไวน์แดงจากผู้ผลิต Australian Wine ชื่อดัง ที่คอไวน์รู้จักกันดี โดยฉลากนี้ไม่เคยวางขายที่ไหนเลย เพราะคุณจะได้รับมัน ในฐานะของขวัญจาก Max Schubert - Winemaker คนแรกของ Penfolds เท่านั้น โดยราคาต่อขวดนี้ เป็นราคาขายในปี 2018 มีผลิตเพียง 20 ขวดเท่านั้น
 

| 14. 1787 Chateau d'Yquem (750 ml.)

ราคา: 91,400 USD / 121,867 USD ต่อลิตร
ไวน์หายากขวดนี้ถูกซื้อไปโดยนักสะสมไวน์ชาวอเมริกัน Julian LeCraw J. ในปี 2006 จาก The Antique Wine Company ด้วยราคา 91,400 USD แต่เมื่อลองดื่ม พบว่าไวน์นั้นดื่มไมไ่ด้ เพราะกลายเป็นน้ำส้มชายชูไปแล้ว ทำให้ Julian กล่าวหาทางบริษัทว่าขายไวน์ปลอมให้เขา ในขณะที่ทางบริษัทได้ฟ้องกลับ Julian LeCraw J. ในปี 2014 ว่าพยายามขู่กรรโชก และปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าขายไวน์ปลอมให้ แต่ในปี 2015 ศาลแขวงสหรัฐได้ยกฟ้องคดีนี้ไป และ The Antique Wine Company ก็ได้ล้มละลายไปในปี 2016
 

| 13. 1865 Lafite (3 liters)

ราคา: 111,625 USD / 37,208 USD ต่อลิตร
ไวน์ไซส์ Double Magnum ปี 1865 ถูกเคาะราคาขายไปในการประมูลเมื่อปี 2006 เดิมถูกครอบครองโดย Russell H. Frye ก่อนถูกขายต่อให้กับ Sotheby's Auction แต่มีบทความจาก Forbs ในปี 2014 ระบุว่าไวน์จาก Collection เหล่านี้ เป็นของปลอมทั้งหมด
 

| 12. 1811 Chateau d’Yquem (750 ml.)

ราคา: 117,000 USD / 156,000 USD ต่อลิตร
ในช่วงปี 2011 ไวน์ขาวจาก Chateau d’Yquem ปี 1811 นี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นไวน์ที่มีราคาแพงที่สุด โดยนักวิจารณ์ไวน์ระบุไว้ว่า เป็น Crème Brûlée ในรูปแบบของเหลว โดยได้ถูกขายให้กับ Sommelier และเจ้าของร้านอาหารชาวฝรั่งเศส Christian Vanneque โดยถูกเก็บไว้ในแท่นโชว์กันกระสุน ที่ Wine Bar ใน Indonesia ในฐานะงานศิลปะ
15 World Most Expensive Wine

| 11. 1787 Lafitte (750 ml.)

ราคา: 156,450 USD / 208,600 USD ต่อลิตร
ไวน์ที่ถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมากมายในการประมูล โดยเจ้าของสำนักพิมพ์ Malcolm Forbes ได้ซื้อฉลากนี้จากร้าน Christie’s ใน London ปี 1985 โดยเป็นไวน์ที่มีราคาแพงที่สุดเท่าที่เคยซื้อมา โดยเชื่อว่าเป็นขวดที่พบในข้าวของ ของ Thomas Jefferson ที่ Apartment เก่าของเขาใน Paris ระหว่างการปรับปรุง และถูกซื้อต่อโดย Hardy Rodenstock เจ้าพ่อเพลงชาวเยอรมัน ที่อ้างว่าซื้อมามากกว่า 1 โหล และมีการรับรองโดย Michael Broadbent
 

| 10. 2004 Penfolds Block 42 Cabernet Sauvignon Ampoule (750 ml.)

ราคา: 168,000 USD / 224,000 USD ต่อลิตร
ไวน์แดงรุ่น Ultra Special ที่มีเพียง 12 ขวดในโลก บรรจุในขวดแก้วที่เป่าด้วยมือ ขวานในตู้ไม้ Jarrah ส่วนไวน์ข้างในเป็น Kalimna Cabernet Sauvignon จาก Block 42 เป็นรุ่นสุดท้ายของปี 1994 ที่หายากมาก ๆ และเมื่อต้องการที่จะดื่ม ต้องให้ Peter Gago หัวหน้า Winemaker ของ Penfolds บินไปเปิดให้เท่านั้นถึงที่ สำหรับรุ่นนี้ ในปี 2012 มีวางขายในร้านค้าระดับ Super Premium ที่ถูกคัดเลือกแล้วเท่านั้น
 

| 9. 2009 Chateau Margaux Balthazar (12 liters)

ราคา: 195,000 USD / 16,250 USD ต่อลิตร
นี่เป็นไวน์แดงขวดไซส์ปาร์ตี้ 12 ลิตร ที่วางขายเฉพาะร้าน Les Clos ร้านค้าระดับเรือธงในประเทศ Dubai และไวน์ขนาดใหญ่แบบบ้าคลั่งนี้ น่าจะเป็นที่ถูกใจเศรษฐีนักชิมไวน์ใน Dubai ไม่น้อย ถูกวางจำหน่ายในปี 2013 โดยที่ป้ายราคา มาพร้อมทริป Dinner ที่ฝรั่งเศสกับหัวหน้า Winemaker พร้อมทัวร์ Cellars และไร่องุ่นแบบส่วนตัว นับว่าเป็นฉลากที่แพงที่สุด เท่าที่เคยมีจำหน่ายในร้านค้าปลีก แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยว่าถูกขายไปกี่ขวดแล้ว และขายไปตอนไหน?
 

| 8. 2010 Williams Selyem Westside Road Neighbors Pinot Noir (9 liters)

ราคา: 205,000 USD / 22,778 USD ต่อลิตร
นับว่าเป็นราคาที่สูงมาก สำหรับไวน์ใหม่ โดยเฉพาะไวน์ที่ซื้อมาเพียง 3 ปีหลังการผลิต ในขณะที่ไวน์ราคาแพงอื่น ๆ อย่างน้อยต้อง 10 ปี หรือหลายร้อยปีขึ้นไป ไวน์ไซส์นี้เรียกว่า Salmanazar ที่ตั้งตามชื่อกษัตริย์ Assyrian เท่ากับขวดขนาดมาตรฐาน 12 ขวด หรือเท่ากับ 60 แก้ว ตกแก้วละ 3,416 USD ราได้จากการขายไวน์ฉลากนี้ จะใช้ในการช่วยเหลือเด็ก ๆ ใน Texas โดยได้ถูกขายในงาน Houston Livestock Show and Rodeo ปี 2013 และถูกประมูลไปโดยคนรักไวน์กลุ่มหนึ่ง และสำหรับในปี 2010 นั้นเป็นปีที่เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ยาก ทำให้เป็น Vintage ที่พิเศษมาก ๆ
15 World Most Expensive Wine

| 7. 1787 Margaux (750 ml.)

ราคา: 212,000 USD / 282,667 USD ต่อลิตร
ทำนมหกจากแก้วคุณอาจเฉย ๆ แต่กับไวน์อายุกว่า 202 ปี คงทำให้คงทำให้มีคนเสียสติได้อย่างแน่นอน เพราะในปี 1989 พ่อค้าไวน์ชื่อ William Sokolin ก็เป็นแบบนั้นเลย หลังจากที่เขาเดินไปชนเข้ากับถาดเสิร์ฟขณะที่ถือไวน์ขวดดังกล่าวนี้ ใน Dinner ชิมไวน์ที่ New York และด้วยราคาขนาดนี้นับว่าสมเหตุสมผลไม่น้อย เพราะนั่นเป็นไวน์ของ Thomas Jefferson คนรักไน์คนแรกของอเมริกา แต่ไวน์ขวดนี้มีการทำประกันไว้ ทำให้ Sokolin สามารถเบิกสินไหมทดแทนได้เป็นจำนวน 212,000 USD
 

| 6. 1869 Chateau Lafite (750 ml.)

ราคา: 233,972 USD / 311,963 USD ต่อลิตร
ฉลากนี้ประเมินราคาคร่าว ๆ ครั้งแรกไว้โดย Sotheby’s Asia ที่ราคา 8,000 USD ในปี 2010 และมันก็พุ่งสูงถึง 233,972 USD และในขณะที่ขวดอื่น ๆ ที่มีขนาดใหญ่ของ Lafite ถูกขายออกไปเรื่อย ๆ แต่นี่เป็นขวดขนาด 750 มล. เพียงไม่กี่ขวด และนี่เป็นขวดที่ส่งตรงมาจาก Cellar ของ Chateau จึงมั่นใจได้ว่านี่เป็นของแท้แน่นอน สำหรับแถบเอเชีย การประมูลไวน์ขวดนี้เรียกได้ว่าร้อนแรงมาก
 

| 5. 1907 Heidsieck (750 ml.)

ราคา: 275,000 USD / 366,667 USD ต่อลิตร
เดิมทีแล้ว Champagne ขวดนี้จะต้องมาถึงมือของกษัตริย์คนสุดท้ายของรัสเซียอย่างพระเจ้า Tsar Nicholas ที่ 2 ราว ๆ ปี 1916 แต่ช่วงเวลานั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 ทำให้เรือขนส่งสัญชาติสวีเดน ถูก U-Boat หรือเรือดำน้ำของเยอะรมันจมลงที่นอกชายฝั่งฟินแลนด์ และ Champagne เหล่านี้ถูกพบในอีก 82 ปีให้หลัง Champagne ทั้ง 2,000 ขวดถูกเก็บกู้มาได้ และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีน้ำทะเลซึมเข้าไปเลย แล้วไวน์ทั้งหมดนี้ก็ได้ถูกนำไปประมูลในภายหลัง ด้วยราคา 275,000 USD ต่อขวด
 

| 4. 1947 Cheval Blanc (6 liters)

ราคา: 304,375 USD / 50,729 USD ต่อลิตร
ไวน์แดงจาก Saint-Emilion ฉลากนี้ ถูกยกให้เป็นไวน์ Bordeaux ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยผลิตมา ถ้าคิดราคาแบบขวดมาตรฐาน 750 มล. จะมีมูลค่าถึง 38,046 USD โดยในปี 2010 ผู้ประมูลไม่ประสงค์ออกนาม ได้รับไวน์ขวดน้ไปครอบครองจากการประมูลของ Christie ในกรุง Geneva ที่ไม่ใช่แค่หายากเท่านั้น แต่กลับมีอายุขัยที่ยาวนานอีกด้วย ในขณะที่ Winery ที่ผลิตฉลากนี้ออกมา ก็ไม่ได้คิดอะไรเยอะขนาดนั้น ได้แต่บอกว่า Vintage ของปี 1947 เป็นเรื่องบังเอิญที่ยอดเยี่ยมที่สุด เพราะในช่วงเวลานั้น รสชาติของไวน์ก็ไม่ได้คงที่เท่าของปัจจุบัน และถังที่สภาพไมม่ทั้นคงเท่าใดนัก แต่กลับให้กำเนิดไวน์ที่ยอดเยี่ยมนี้ขึ้นมา
15 World Most Expensive Wine

| 3. 1945 Château Mouton Rothschild (4.5 liters)

ราคา: 310,700 USD / 69,044 USD ต่อลิตร
ฉลากปี 1945 นี้ เป็นไวน์หายากที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มนักสะสมไวน์ โดยเฉพาะเรื่องราวความเป็นมา Baron Phillipe Rothschild เจ้าของ Chateau ในขณะนั้น ได้ริเริ่มการใช้ฉลากไวน์ที่เป็นลายงานศิลป์มาตั้งแต่ปี 1924 โดยในปี 1945 ได้มอบหมายให้ศิลปิน ออกแบบฉลาก V for Victory ที่มีความแตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ด้วยความที่ Baron Phillipe Rothschild เป็นชาวยิว ทำให้เาต้องลี้ภัยไปอังกฤษ และกลับมาฝรั่งเศสในปี 1945 ที่สงครามสิ้นสุดแล้ว นั่นทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้น้อยลง แต่องุ่นนั้นสุกงอมเป็นพิเศษ ทำให้รสชาติของฉลากนี้ได้รับความนิยม อีกทั้งเครื่องหมาย V ก็เหมือนเป็นการฉลองจุดสิ้นสุดของสงครามโลก
 

| 2. 1992 Screaming Eagle Cabernet Sauvignon (6 liters)

ราคา: 500,000 USD / 83,333 USD ต่อลิตร
สำหรับ Screaming Eagle ถ้าเปรียบกับภาพยนตร์ ก็เหมือนเป็น "หนังคัลท์" สำหรับจำนวนการผลิตที่น้อย และฐานแฟนที่เหนียวแน่น ในปี 2000 การประมูลไวน์ Napa Valley ประจำปี ทำรายได้สูงถึง 9.5 ล้านเหรียญ โดยส่วนใหญ่จะมาจาก Chase Bailey ผู้บริหารของบริษัท Cisco Systems ในตอนนั้น และภารรยาของเขา Susan ที่ประมูลไปมากถึง 1.7 ล้านเหรียญ โดยเฉพาะ  Screaming Eagle ขนาด 6 ลิตรนี้ ก็ปาไปครึ่งล้านแล้ว แต่ตามจริงแล้ว ฉลากนี้ไม่ควรมีอยู่ในรายชื่อการประมูลมาตั้งแต่แรก แต่นี่เป็นการนำมาประมูลเพื่อการกุศล
 

| 1. 1945 Romanee-Conti (750 ml.)

ราคา: 558,000 USD / 18,469,800 USD ต่อลิตร
ไวน์แดงจากผู้ผลิตไวน์ชั้นเลิศของ Burgundy ปี 1945 ขวดนี้ ถูกนำมาวางขายในปี 2018 โดยราคาประมูลเริ่มที่ 32,000 USD เรียกได้ว่าราคาขายสูงเพิ่มขึ้นถึง 17 เท่าเลยทีเดียว โดยมีเพียง 600 ขวดในโลกเท่านั้น สำหรับไร่เล็ก ๆ อย่าง Romanee-Conti นั้น ทาง Bloomberg ได้ขนานนามไว้ว่าเป็น "ไวน์ในตำนาน" หรือ "Unicorn Wine" ที่ไม่เพียงแค่ผลผลิตที่น้อยจากสภาพอากาศที่เลวร้ายเท่านั้น ทุกครั้งหลังการเก็บเกี่ยว ต้นองุ่นเดิมจะถูกถอนออกและปลูกต้นใหม่ทันที