ก่อนอื่นก็ขออธิบายหลักการทางวิทยาศาสตร์ง่าย ๆ กันก่อน อะไรก็ตามที่บินหรือเคลื่อนที่ไปในอากาศได้ ต้องมีพลังงานในการส่งวัตถุเสมอ ในกรณีของจุก Champagne พลังงานนั้นคือแรงดันก๊าซ Carbon Dioxide ในขวดที่เกิดขึ้นจากการหมักบ่ม ซึ่งเป็นที่มาของสัมผัสซ่า ๆ ใน Champagne หรือ Sparkling Wine นั่นเอง

การที่จุกคอร์กถูกแรงดันส่งให้บินออกมาจากปากขวดได้ ต้องใช้พลังงานมากในระดับหนึ่ง และมันจะหอบเอา Shockwave ตามมาด้วย แม้ว่าเวลาที่โดนจุดอื่น ๆ ของร่างกายจะไม่เจ็บเท่าไหร่ แต่ก็ยังเจ็บอยู่ดี… แต่ถ้าจุกคอร์พุ่งไปถูกดวงตาที่มีความบอบบางกว่า แรงกระแทกจะทำให้เกิดอาการเลือดออกในตา, เนื้อเยื่อเกิดความเสียหาย, เป็นต้อ หรือแม้แต่อาการกระจกตาเสียหายได้

แต่ที่ทำให้ดูหวาดเสียวมากขึ้นไปอีก คือความคาดเดาไม่ได้ว่าจุกคอร์กนี้จะพุ่งไปทางไหน ขอให้ลองนึกภาพปืนสักกระบอก โดยปกติกระสุนจะมีลำกล้องด้านในช่วยประคองหัวกระสุนให้พุ่งเป็นเส้นตรง และกระสุนปืนจะถูกส่งมาจากรังเพลิงที่ท้ายลำกล้อง แต่ในกรณีของจุกคอร์กของ Champagne นั้น ตัวจุกถูกแรงดันส่งออกมาจากปากขวด นั่นไม่สามารรับประกันได้ว่าเมื่อมันพุ่งแล้ว มันจะกระเด็นไปทางไหน หรือจะกระเด็นไปโดนใคร

วิธีที่จะป้องกันอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากจุกคอร์ก สามารถทำได้โดยพยายามใช้นิ้วโป้งหรือฝ่ามือ กดจุกให้อยู่กับปากขวดเสมอ เมื่อเปิดขวดควรกำจุกคอร์กและปากขวดให้แน่น แล้วเปิดด้วยหมุนที่ตัวขวดแทน และเมื่อจุกจะหลุดให้ฝืนแรงดันของจุกคอร์กไว้จนกว่าจุกจะหลุดจากปากขวด นั่นจะช่วยให้ป้องกันไม่ให้จุกคอร์กพุ่งออกไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และที่สำคัญ… อย่าหันปากขวดใส่คนอื่นเด็ดขาด