ตู้แช่ไวน์สำหรับเศรษฐีพันล้าน

9 มีนาคม 2015
ตู้แช่ไวน์สำหรับเศรษฐีพันล้าน
Posted in: Wine Basic
More from this author
By WINE-NOW
revel

 

ถ้าคุณคิดว่า Wine cellar นั้นไม่ต้องการการพัฒนาปรับปรุงใดๆอีกแล้ว คุณคิดผิดแล้ว! หากคุณได้พบกับ James Cash ผู้ก่อตั้ง “Revel Customs Wine Cellar” ผู้ซึ่งทำงานเป็น COO ของบริษัท Christman Capital Development Company (CCDC) ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้าง และธุรกิจที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงจากรัฐมิชิแกน ซึ่งจุดกำเนิดของบริษัท Revel ซึ่งเปรียบเสมือน Bentley แห่งวงการ Wine Cellar นั้นได้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อวันหนึ่งที่ James ต้องการ Wine Cellar สำหรับบ้านเขาเอง

revel

 

เขามีปัญหากับการวาง และเก็บไวน์ใน ชั้น (Rack) ที่มีทั่วไปในท้องตลาด และต้องการพลิกขวด เก็บเข้าออกเมื่อเวลาต้องการหาไวน์ที่ต้องการ ซึ่งการดึงไวน์เข้าออก หลายครั้งจะมีโอกาสทำให้ฉลากของไวน์เกิดความเสียหายเกิดขึ้นได้ เขาจึงคิดกับตัวเองว่า “ฉันแค่ต้องการชั้นวางไวน์เป็นลิ้นชักที่สามารถดึงเข้าออกเพื่อแสดงไวน์ 4-5 ขวดที่หงายฉลากขึ้นตลอดเวลาและ แค่ต้องการหาไวน์ให้ง่ายและเร็วที่สุกเท่านั้นเอง และเร็วที่สุดก็เท่านั้น” ซึ่งเมื่อเค้าออกไปหารูปแบบ Cellar ที่เค้าต้องการ เค้าก็ไม่สามารถหาได้ในขณะนั้น เค้าจึงดีไซน์มันขึ้นมาเองกับนวัตกรรมที่จดสิทธิบัตร 2 ชนิดนั่นคือ ลิ้นชัก (Sliding Drawers) และ ตัวหมุนชื่อ lazy Susan (rotating lazy Susan) เพื่อทำการเก็บขวดไวน์ และกล่องไวน์โดยเฉพาะ

 

revel

 

ระบบการออกแบบของ Revel นั้นจะเป็นแบบ Custom (ออกแบบพิเศษเฉพาะสถานที่เท่านั้น) ซึ่งราคาค่าออกแบบและก่อสร้างชั้นไวน์ต่อไวน์ 1 ขวดจะอยู่ที่ $25-$35 ซึ่งหากเป็นห้องเก็บไวน์ 1,000 ขวดนั้น ค่าก่อสร้างชั้นไวน์จะอยู่ที่ประมาณ $25,000-$35,000 (ประมาณ 7แสน ถึง 1ล้านบาท) ซึ่งเหล่านี้คือค่าสร้าง ชั้น (Rack) จากไม้มะฮอกกะนีชั้นดี ที่ถูกผลิตและประกอบขึ้นในรัซมิชิแกนทั้งหมด แต่ยังไม่รวมถึง ระบบแสง ระบบทำความเย็น และการก่อสร้างระบบพื้นฐานของ Wine cellar อื่นๆ

 

 

James Cash บอกว่าเค้าไม่สามารถเปิดเผยรายชื่อลูกค้าของเค้าได้ แต่ก็ใบ้ให้ว่าลูกค้าของเค้านั้นมีบุคคลที่อยู่ในรายชื่อของคนที่รวยที่สุดในอเมริกาโดย Forbes นักแสดงชื่อดังที่ทุกคนรู้จัก ผู้ก่อตั้งหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้สะสมไวน์ชื่อดัง และเหล่า CEO ของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย

ขอบคุณข้อมูลจาก forbes