ไม่ใช่ Red Wine ไม่ใช่ White Wine แต่นี่คือ Rose Wine
ถ้าเคยเดินไปตามชั้นไวน์ในห้างสรรพสินค้า เชื่อว่าต้องมีคนเคยสังเกตเห็นไวน์สีชมพูสดใส ที่ดูใสไปเกินกว่าจะเป็นไวน์แดง สีสันดูผิดแปลกไปจากไวน์ขาวขวดอื่น ๆ ไวน์ชนิดนี้เขาเรียกว่าอะไรกัน?
| ROSE WINE คืออะไร?
ไวน์สีชมพูกุหลาบนี้ มีชื่อเรียกว่า Rose Wine (ไวน์โรเซ่) เป็นไวน์ที่มีทั้งเอกลักษณ์ของไวน์ขาวและไวน์แดง ในตัวเดียวกัน มีรสชาติที่สดชื่นในแบบของไวน์ขาว และมาพร้อมสัมผัสที่เข้มข้นในแบบของไวน์แดง สามารถดื่มได้หลากหลายโอกาส
สีสันของ Rose Wine จะมีตั้งแต่สีชมพู ไปจนถึงชมพูอมเหลือง สีที่ได้จะมาจากเปลือกขององุ่นแดงที่ได้สัมผัสกับน้ำองุ่นในระยะเวลาสั้น ๆ ระหว่างการผลิต โดยเม็ดสีจากเปลือกจะออกมาผสมเข้าส่วนที่เป็นของเหลว รสชาติของ Rose Wine โดยหลัก ๆ แล้วจะออกไปทางผลไม้เปลือกสีแดง, ดอกไม้, ผลตระกูลส้ม และเมลอน โดยขึ้นอยู่กับชนิดขององุ่นที่ใช้ในการผลิต
| วิธีการทำ ROSE WINE
1. Skin Contact
เป็นวิธีที่จะสร้างสีสันของไวน์ขึ้นมาตามธรรมชาติ เช่นเดียวกับการเกิดสีของไวน์แดง เพียงแต่ไวน์แดงจะต้องทิ้งเปลือกองุ่นไว้เป็นสัปดาห์ แต่ Rose Wine จะทิ้งเปลือกไว้ตั้งแต่ 2-20 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วนำออกมาจากน้ำองุ่น เป็นวิธีการผลิต Rose Wine ที่แพร่หลาย เช่นในเขต Provence และ Languedoc-Roussillon ของฝรั่งเศส2. Saignée (Bleeding)
วิธีนี้จะคล้ายกับ Skin Contact คือเมื่อทำการหมักจนสีจากเปลือกออกมาสู่น้ำไวน์ โดยสัดส่วนของเปลือกองุ่นจะมีเยอะกว่า ในจังหวะที่สีสันออกมาแล้ว Wine Maker จะทำการถ่ายน้ำไวน์ออกมาจากถัง เพื่อนำน้ำองุ่นไปเข้ากระบวนการต่อ น้ำองุ่นที่เหลือซึ่งมีสีที่เข้มข้นกว่า ก็จะนำไปทำไวน์แดงต่อไป วิธีการผลิตแบบนี้ค่อนข้างหาได้ยาก ในการผลิตของแต่ละ Winery จะมีเพียงแค่ 10% เท่านั้น เราสามารถเห็นการผลิตรูปแบบนี้ได้ในเขตที่โดดเด่นในการผลิตไวน์แดง อย่าง Napa Valley และ Sonoma3. Blend
เป็นการผลิต Rose Wine ที่สามารถควบคุมความเข้มข้นได้หลายระดับ วิธีนี้จะนำไวน์แดงมาและไวน์ขาวมา Blend เข้าด้วยกัน โดยส่วนมากจะใช้สัดส่วนไวน์แดงเพียง 5% ในการ Blend สำหรับ Rose Wine ที่เป็น Still Wine นั้น วิธีการ Blend จะไม่ค่อยได้พบเห็นเท่าไรนัก ส่วนมากมักพบในการผลิต Sparkling Wine หรือ Champagne เสียมากกว่าสำหรับผู้ที่ชื่นชอบในความเข้มข้น แต่ยังไม่อยากทิ้งรสสัมผัสอัสสดชื่น ที่ดื่มได้ตลอดทั้งปี ไม่ใช่เฉพาะฤดูร้อน Rose Wine คืออีกตัวเลือกที่ไม่ควรมองข้ามเลยล่ะครับ