ที่มาของความฝาด ที่เรียกว่า “แทนนิน”
คำว่า Tannin (แทนนิน) เป็นคำที่อธิบายถึงความรู้สึกฝาด ที่รู้สึกได้หลังจากดื่มไวน์เข้าไป ซึ่งความฝาดนี้ เกิดมาจากเปลือกและเมล็ดองุ่นที่นำไปบ่ม ทำให้ไวน์ที่ออกมานั้น มีความฝาดและรสชาติขมติดมาด้วย อยู่ที่ว่าผู้ผลิตไวน์จะออกแบบรสชาติออกมาแบบไหน นั่นเองครับ
| แล้วไวน์ชนิดไหน ที่แทนนินสูง ?
| ไวน์แดงส่วนใหญ่ โดยเฉพาะ Syrah (ชีราส), Nebbiolo (เนบบิโอโล) และ Cabernet Sauvignon (กาแบร์เนต์ โซวีญอง) มักจะเป็นไวน์ที่มี แทนนินสูง (Tannin) ซึ่งจะเกิดจากขั้นตอนการนำองุ่นที่มีเปลือกไปบ่ม สารแทนนินในเปลือกองุ่นจึงผสมเข้ากับไวน์
นอกจากนี้หากยิ่งบ่มให้เปลือก หรือเมล็ดอยู่ในน้ำองุ่นนานเท่าไหร่ ไวน์ก็จะยิ่งมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป เพราะแทนนินนี่เองที่เป็นตัวช่วย ทำให้ไวน์มีความสมดุลและความซับซ้อนของรสชาติมากยิ่งขึ้น และสารบางตัวในแทนนิน ยังช่วยทำหน้าที่ป้องกันการเน่าเสียให้กับไวน์ได้อีกด้วย
|แทนนินส่งผลต่อร่างกายหรือไม่ ?
|แทนนิน (Tannin) เป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่และมีโครงสร้างซับซ้อน มีสถานะเป็นกรดอ่อน และเป็นสารให้ความฝาด ซึ่งเราสามารถพบได้ในธรรมชาติจากพืชหลายชนิด อย่าง กล้วย โกโก้ และ ชา เป็นต้น โดยจะถูกแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่
1. Condensed Tannins (คอนเดนส์แทนนิน) เรียกอีกอย่างว่า Proanthrocyanin (โปรแอนโทรไซยานิน) พบได้ในส่วนเปลือกของต้น และแก่นไม้เป็นส่วนมาก
2. Hydrolysable Tannins (ไฮโดรไลซ์แทนนิน) คือ สารที่สามารถถูกแยกออกเป็นโมเลกุลเล็กๆ ได้ พบมากในส่วนของใบและฝัก
แทนนินไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และยังมีฤทธิ์ในการยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ในกระเพาะอาหาร หากร่างกายได้รับมากเกินไป อาจทำให้รู้สึกท้องอืดหรือท้องผูกเอาได้ นอกจากนี้การวิจัยยังพบว่า แทนนินในไวน์ขาว และชาเขียวมีสารต้านอนุมูลอิสระร่วมอยู่ด้วย
ใครที่จะไม่ชอบความฝาดของแทนนินก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ ถือเป็นเรื่องของความชอบส่วนบุคคล และเป็นเหมือนเสน่ห์ของการดื่มไวน์ด้วยซ้ำ เพราะรสชาติต่างๆ ที่ซ่อนอยู่ในไวน์กำลังรอเราไปค้นหาอยู่ Wine-Now.Asia ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับการดื่มไวน์ครับ