| คู่ Pairing สุดคลาสสิคของ Prosecco (โปรเซคโก้) คงหนีไม่พ้นอาหารประเภท “Sea Food” ที่ผ่านการปรุงแต่งน้อย เพราะด้วยอาหารเหล่านี้มี Textrue ที่ใสสะอาด, เบาบาง และสดชื่น นอกจากนั้น ยังเหมาะแก่การเสิร์ฟคู่กับ Welcome Drink สามารถช่วยเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี

เมนูแนะนำ : หอยนางรมสด, ซาซิมิ, ซูชิ, คลาเวีย, หอยเชลล์ย่างเนย และยังรวมไปถึงอาหารทะเลที่มีผักสดเป็นส่วนประกอบ เช่น แซลมอนรมควันกับแตงกวา, กุ้งลวกกับอะโวคาโด้สุก หรือค็อกเทลกุ้งเสียบองุ่น เป็นต้น

| หลังจากการรับประทานของทอด หรืออาหารที่ชุ่มไปด้วยความมัน เป็นธรรมดาที่เราจะรู้สึกถึงความมันเลี่ยน ซึ่งความมันจะเคลือบอยู่ในช่องปากของเรา และเสน่ห์ของ Prosecco (โปรเซคโก้) โดยเฉพาะแบบ Extra Dry (ไม่หวาน) สามารถชะล้างความมันเหล่านั้นออกไป ทำให้เรารู้สึกสดชื่น สะอาด เพลิดเพลินกับของทอดแสนอร่อยได้เรื่อยๆ ตลอดทั้งงาน

เมนูแนะนำ : ปีกไก่ทอดเกลือ, กุ้งชุบแป้งทอด, ชีสทอด, ลาบทอด และหอยเชลล์ชุบแป้งทอดกับมายองเนส เป็นต้น อีกหนึ่งเทคนิคคือการเลือกของทอดที่มีรสเค็ม เพราะรสเค็มนั้น จะช่วยสร้างความสมดุลย์ กระจาย Aroma และเน้นรสสัมผัสของไวน์ให้โดดเด่นมากขึ้น

| Cheese (ชีส) คือ หนึ่งในตัวเลือกที่ดีสำหรับการ Pairing คู่กับ Prosecco (โปรเซคโก้) เพราะด้วยรสสัมผัสนุ่มลิ้น หอมละมุน และมันของชีส จะช่วยกระจาย Aroma อันสดชื่นให้เด่นชัดขึ้น นอกจากนั้น ไวน์ยังช่วยทำให้ชีสนุ่มนวล เนียนลิ้นมากขึ้นด้วย

แต่อย่างไรก็ตามชีสที่เหมาะกับ Prosecco Extra Brut (ไม่หวาน) ควรจะเป็น Soft Chees (ซอฟท์ชีส) ที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา  ไวน์จะช่วยให้รสชาติของชีสนุ่มนวลมากขึ้น ส่วนชีสที่ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อนำมา Pairingกันก็คือ Hard Cheese (ฮาร์ดชีส) เพราะชีสลักษณะนี้ มีรสค่อนข้างเค็ม เนื้อแน่น และมีกลิ่นรุนแรง จะทำให้คาร์แรคเตอร์ที่สดชื่นของไวน์หายไป

| Prosecco & Dessert

| การ Pairing ของหวานกับไวน์ มีหลักการง่าย ๆ คือ ของหวานนั้น ๆ ไม่ควรหวานกว่าไวน์ เราจึงควรเลือก Prosecco (โปรเซคโก้) ที่มีระดับความหวานที่สมดุลกัน เพื่อป้องกันไม่ให้รสชาติของของหวานจะกลบรสของไวน์ไปเสียหมด

เมนูแนะนำ: ทาร์ตไข่, ทาร์ตผลไม้, พายแอปเปิ้ล เป็นต้น