Vintage ยิ่งเก่า ยิ่งดีจริงหรือ ?
สำหรับเหล่าคอไวน์ คำว่า Vintage (วินเทจ) จะหมายถึง ปีที่ระบุอยู่บนฉลากนั่นเอง ไม่ได้มีความหมายแบบในวงการแฟชั่น ที่หมายถึง ดูย้อนยุค คลาสสิก หรือเรียบหรูแต่อย่างใด
และแน่นอนหลายคนมีข้อสงสัยกับเลขปีที่อยู่บนฉลาก หรือที่มักเรียกติดปากว่า Vintage (วินเทจ) เวลาไปซื้อไวน์ตามร้านก็ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า เลขพวกนี้มันสามารถบอกอะไรเกี่ยวกับไวน์ฉลากนั้นได้บ้าง? แล้วตัว Vintage นั้นนับจากอะไร?
| VINTAGE คือ อะไร?
ที่จริงแล้ว เลข Vintage ไม่ได้มีอะไรซับซ้อนอย่างที่คิด เลขพวกนี้เป็นการบ่งบอก ปีที่องุ่นถูกเก็บเกี่ยว มาเพื่อเข้ากระบวนการผลิต เช่นไวน์ Vintage 2015 หมายถึงองุ่นที่ใช้ผลิตไวน์ Vintage นั้นถูกเก็บเกี่ยวมาในปี 2015 นั่นเอง
| แต่ละ VINTAGE มีความแตกต่างเพราะอะไร?
ด้วยความที่สภาพอากาศ และปัจจัยต่าง ๆ ในการปลูกองุ่น มักแตกต่างกันไปในแต่ละปี บางปีน้ำน้อย แร่ธาตุในดินไม่ดี บางปีอากาศร้อนกว่าปกติ หรือบางปีได้ผลผลิตต่ำ ส่งผลต่อคุณภาพและรสชาติขององุ่น ทำให้ไวน์แต่ละ Vintage อาจมีรสชาติ และคาแรคเตอร์ไม่เหมือนกัน ดังนั้น นักสะสมไวน์ หรือคอไวน์หลาย ๆ คน มักพิจารณา Vintage ก่อนตัดสินใจซื้อไวน์ในแต่ละครั้ง
| VINTAGE ยิ่งเก่า ยิ่งดีกว่าจริงหรือ ?
หลาย ๆ คนอาจมีความเชื่อว่าไวน์ Vintage ยิ่งเก่านั้นยิ่งดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว Vintage เป็นการระบุปีที่เก็บเกี่ยวองุ่น ในบางปีอาจได้ผลผลิตที่ไม่สู้ดีเท่าไหร่ ทำให้รสชาติและคุณภาพของไวน์ Vintage นั้น ๆ อาจไม่เป็นที่ประทับใจของผู้ผลิตและคอไวน์สักเท่าไหร่ เช่น ไวน์ Bordeaux ในปี 1997 เป็นปีที่น่าผิดหวังที่สุด ในขณะที่ Vintage 1990 ซึ่งใหม่กว่า ถูกจัดว่าเป็น Vintage ที่ดีที่สุดของ Bordeaux
อย่างไรก็ตาม Vintage (วินเทจ) ส่วนใหญ่จะมีผลกับ Old World Wine (ไวน์โลกเก่า) ที่แต่ละปีมีสภาพอากาศแปรปรวนไม่คงที่ โดยการผลิตไวน์ยังคงรักษาประเพณีดั้งเดิม ซึ่งต้องอาศัยผู้ผลิตไวน์ที่มีประสบการณ์ มีกฎระเบียบทางราชการที่เคร่งครัดในเรื่องของพันธุ์องุ่นที่ใช้ผลิตไวน์และในเรื่องการปลูกองุ่นที่มีเงื่อนไขกำหนด
(* ไวน์โลกเก่า (Old World Wines) คือ ไวน์ที่ ผลิตในประเทศแถบยุโรปทั้งหมด เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี สเปน โปรตุเกส ออสเตรีย ฮังการี โรมาเนีย เป็นต้น)
ซึ่งแตกต่างจาก New World Wine (ไวน์โลกใหม่) ไม่ค่อยได้รับผลกระทบกับเรื่องของ Vintage (วินเทจ) ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถควบคุมคุณภาพของไวน์ได้อย่างคงที่มีมาตราฐาน ทำให้ความแตกต่างของผลผลิตในแต่ละปีไม่ได้ส่งผลต่อคุณภาพไวน์มากมายนัก
อีกทั้งผู้ผลิตยังสามารถใช้เทคนิคต่าง ๆ อาทิเช่น การนำไวน์ต่าง Vintage มา Blend เข้าด้วยกันเพื่อให้ได้รสชาติที่ต้องการ ซึ่งเรามักเรียกไวน์กลุ่มนี้ว่า "Non-Vintage"
(* * ไวน์โลกใหม่ (New World Wines) คือ ไวน์ที่ผลิตนอกทวีปยุโรป เช่น สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ ชิลี อาร์เจนตินา แอฟริกาใต้ อิสราเอล ญี่ปุ่น จีน อินเดีย ไทย เป็นต้น)
นอกจากนี้เรื่องของทักษะในการผลิตไวน์ก็เป็นส่วนสำคัญ ที่จะทำให้ได้ไวน์มีคุณภาพดี ถึงแม้ว่า Vintage (วินเทจ) ปีนั้นสภาพแวดล้อมจะไม่ดีก็ตาม
ฉะนั้นการที่ไวน์ยิ่งเก่ายิ่งดีนั้น ไม่จริงเสียทีเดียว เพราะผลผลิตที่ได้ในแต่ละปี มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ หากไม่อยากเสี่ยงและสับสนกับการเลือกไวน์ที่มี Vintage (วินเทจ) ทางเรา Wine-Now.Asia แนะนำว่า New World Wine (ไวน์โลกใหม่) ก็เป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าลองครับ