สุดยอดเทคนิค จับคู่ "ไวน์"(Wine) และ "ชีส"(Cheese)
ทำไมต้องเป็น “Wine” (ไวน์) กับ “Cheese” (ชีส) ?
Wine (ไวน์) เเละ Cheese (ชีส) เป็นเครื่องดื่มและอาหารที่หลายคนชื่นชอบ หากจับคู่ให้เหมาะสม จะเป็นการปลดล็อกรสชาติพิเศษบางอย่างให้ละลายออกมา รสชาติที่คุณไม่เคยได้ลิ้มรส ถ้าทานไวน์หรือชีสโดยทั่วไป ถ้าอย่างนั้นแล้ว เราไปดูเทคนิคการจับคู่ไวน์ และชีส กันเลย
| 1. Hard Cheese (ฮาร์คชีส)
Hard Cheese (ฮาร์ดชีส) คือ ชีสเนื้อแข็ง ใช้นมที่รีดได้ในตอนค่ำ ตั้งทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วจึงสกัดเอาไขมันออกตอนเช้า เพื่อนำไปผสมกับนมที่รีดได้สดๆ มักจะหมักในที่เย็นชื้น ใช้เวลา 4-10 เดือน และต้องผ่านการขัดชีสโดยใช้เกลือ รสเข้ม ติดเค็ม มีกลิ่นฉุน สามารถเก็บได้นาน
Hard Cheese ได้แก่ : Gouda (เกาด้า), Cheddar (เชดด้า), Parmesan (พาเมซาน), Pecorino (เพ็คโคริโน่), Gruyere (กรูว์แยร์)
จับคู่ "Hard Cheese" (ฮาร์ดชีส) และ "ไวน์"
- Gouda (เกาด้า) คู่กับ Merlot (แมร์โล)
- Cheddar (เชดด้า) คู่กับ Cabernet Sauvignon (การ์แบเนโซวีญง)
- Parmesan (พาเมซาน) คู่กับ Chianti (เคียนติ)
- Pecorino (เพ็คโคริโน่) คู่กับ Valpolicella (วัลโปลิเซลล่า)
- Gruyere (กรูว์แยร์) คู่กับ Sauvignon Blanc (โซวิญงบล็อง )
Cheddar Cheese (เชดด้าชีส) เป็นหนึ่งในชีสยอดนิยมของคนไทย เป็นชีสที่มีกลิ่นและรสเข้มข้น จึงเหมาะกับไวน์แดงที่มีรสชาติหนักแน่น (Full-Body) อย่างองุ่นสายพันธ์ Cabernet Sauvignon (การ์แบร์เน โซวีญง) ด้วยรสฝาดที่ค่อนข้างเยอะเยอะ เมื่อผสมกับรสชาติเข้มข้นของ Cheddar Cheese จึงทำให้ความฝาดนุ่มนวลลง และเมื่อเสริมความหอมมันของชีสให้รสสัมผัสละมุนละไมมากขึ้น
| 2. Blue Cheese (บลูชีส)
Blue Cheese (บลูชีส) มักจะทำมาจากนมวัวหรือนมเเพะ มีจุดสีน้ำเงิน หรือสีเขียวของเชื้อรา ลวดลายคล้ายหินอ่อน ฝังอยู่ตามเนื้อชีส ทำให้มีกลิ่นฉุน และมักจะมีรสเค็ม
จับคู่ "Blue Cheese" (บลูชีส) และ "ไวน์"
- Gorgonzola (กอร์กอนโซลา) คู่กับ Port (พอร์ท)
- Stilton (สติลตั้น) คู่กับ Sauternes (โซแตร์น)
- Blue (บลู) คู่กับ Riesling (รีลิ่ง)
- Cambozola (คัมโบโซลา) คู่กับ Eiswein (ไอซ์ไวน์)
| 3. Soft Cheese (ซอฟชีส)
Soft Cheese (ซอฟชีส) คือ ชีสที่มีความชื่นสูง ไม่มีการหมักหรือทิ้งไว้ให้เเก่ตัว จึงมีรสเข้ม ติดเปรี้ยว หอมนม เนื้อนุ่ม ส่วนใหญ่ใช้นมวัว นมทั้งเเบบสกัด เเละไม่สกัดมันเนย ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน
Soft Cheese : ได้แก่ Ricotta (ริคอตต้า), Mozzarella (มอสซาเรลล่า), Goat Chenin (โก้ท เชนิน), Feta (เฟต้า)
จับคู่ "Soft Cheese" (ซอฟชีส) และ "ไวน์"
- Ricotta (ริคอตต้า) คู่กับ Pinot Grigio (ปีโนกรี)
- Mozzarella (มอสซาเรลล่า) คู่กับ Sauvignon Blanc (โซวีญงบล็อง)
- Goat Chenin (โกัทเชนิน) คู่กับ Blanc (บล็อง)
- Feta (เฟต้า) คู่กับ Beaujolais (โบโฌเลส์)
Mozzarella (มอสซาเรลล่า) เป็นชีสยอดนิยมอีกชนิดหนึ่งของคนไทย ด้วยความนุ่มนวลของรสสัมผัส ทำให้ชีสชนิดนี้ เหมาะกับไวน์ขาวที่ค่อนข้าง Full body มี Acidity ที่ค่อนข้างสูงเพื่อสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับไวน์ เมื่อจับคู่กับ Soft Cheese นุ่มๆ รับรองว่ารสนวลๆจากชีส และเปรี้ยวปลายพอดีๆ จะสร้างรสสัมผัสละมุนละไมที่คาดไม่ถึง
| 4. Bloomy Cheese (บลูมมี่ชีส) หรือ Cream Cheese (ครีมชีส)
Bloomy Cheese หรือ Cream Cheese (ครีมชีส) จัดเป็นประเภทชีสเนื้อนุ่ม เพราะไม่มีการบ่มตัว เกิดจากการนำครีม มาผสมกับนมวัว มีสีขาว เเละเสียง่ายจึงต้องอยู่ในตู้เย็น มักนำมาทำเป็นขนมหวาน ผสมกับผลไม้ หรือช็อกโกแลต
Blooomy Cheese ได้แก่ : Camembert (กามองแบร์), Brie (บรี), Robiola (ราวีโอลี่), Taleggio (ทาเลจิโอ)
จับคู่ "Bloomy Cheese" (บลูมมี่ชีส) และ "ไวน์"
- Camembert (กามองแบร์) คู่กับ Champagne (แชมเปญ)
- Brie (บรี) คู่กับ Chardonnay (ชาร์ดอนเนย์)
- Robiola (โรเบียวลา) คู่กับ Sparkling Wine (สปาร์คกลิ้งไวน์)
- Taleggio (ทาเลจิโอ) คู่กับ Pinot Blanc (ปีโนบล็อง)
สรุป เทคนิคจับคู่ “Wine” (ไวน์) กับ “Cheese” (ชีส)
การจับคู่ Wine (ไวน์) และ Cheese (ชีส) ให้เหมาะสมกัน จะทำให้เกิดรสชาติที่พิเศษขึ้น โดยทั้งสองอย่างจะส่งเสริมรสชาติของกันและกัน ให้มีความโดดเด่นขึ้นมา แต่อย่างไรก็ตาม สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น สิบตาเห็นไม่เท่าลองด้วยตนเอง โดยสามารถเลือกดูสินค้าไวน์จากหลากหลายพันธุ์องุ่น ไม่ว่าจะเป็นไวน์แดง ไวน์ขาว สปาร์คกลิ้งไวน์ หรือแม้กระทั่งแชมเปญ ทางเรา Wine-Now.Asia ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับการดื่ม Wine (ไวน์) และ Cheese (ชีส)
คลิ๊ก! เพื่อเลือกชม Wine ทั้งหมด
